BYD พุ่งแรง 17% ตั้งเป้าปี 67 รายได้แตะพันล้าน ทุ่ม 3 พันลบ. ลุยขยายธุรกิจหลักทรัพย์ฯ

BYD พุ่งแรง 17% ตั้งเป้าปี 67 รายได้แตะ 1 พันล้าน ทุ่มงบลงทุน 3 พันล้านบาท พร้อมลุยขยายธุรกิจหลักทรัพย์ฯ และธุรกิจรถบัสไฟฟ้า


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้(6 มี.ค.67)ว่า บริษัทหลักทรัพย์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ BYD ล่าสุด ณ เวลา 15.15 น. อยู่ที่ระดับ 4.08 บาท บวก 0.60 บาท หรือ 17.24% สูงสุดที่ระดับ 4.16 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 3.50 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 31.25 ล้านบาท

โดยก่อนหน้านี้นางสาวออมสิน ศิริ ประธานคณะกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BYD เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้ปี 2567 จะทำมูลค่าแตะ 1,000 ล้านบาท ซึ่งปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อน เนื่องจากรับอานิงสงส์จากรายได้ของธุรกิจหลักทรัพย์ที่คาดว่าจะเติบโตเพิ่มขึ้น หลังจากบริษัทมีบุคลากรใหม่ ๆ เข้ามาช่วยดำเนินงาน ซึ่งส่งผลให้บริษัทมีลูกค้าใหม่เข้ามาเปิดบัญชีจำนวนมาก

สำหรับรายได้จากธุรกิจหลักทรัพย์ปีนี้คาดว่าจะแบ่งเป็นค่าธรรมเนียมจากการจัดจำหน่ายหลักทรัพย์ประมาณ 300 ล้านบาท, ค่าธรรมเนียมจากการบริหารกองทุนส่วนบุคคลและค่าธรรมเนียมจากการเป็นตัวแทนขายหน่วยลงทุนประมาณ 500 ล้านบาท, ค่าธรรมเนียมจากวาณิชธนกิจ (IB) ราว 50 ล้านบาท และส่วนที่เหลือจะมาจากรายได้ Block Trade ส่วนธุรกิจการให้บริการ EV Bus ภายใต้บริษัทร่วมทุน “ไทย สมายล์ บัส จำกัด” คาดว่า ปีนี้จะเริ่มมีกำไรหลังจากเริ่มทยอยมีรายได้จากการให้บริการ EV Bus ประมาณเดือนละ 160-170 ล้านบาท

ขณะที่งบลงทุนปีนี้ บริษัทเตรียมไว้ 3,000 ล้านบาท สำหรับใช้ลงทุนในธุรกิจหลักทรัพย์และธุรกิจให้บริการ EV Bus โดยในส่วนของธุรกิจหลักทรัพย์บริษัทมีแผนขยายการให้ลูกค้ากู้ยืมเงินเพื่อซื้อหลักทรัพย์ผ่านบัญชีมาร์จิ้น (มาร์จิ้นโลน) เพิ่มขึ้น จากปัจจุบันที่มีการปล่อยอยู่มูลค่ากว่า 800 ล้านบาท และมีเงินสดที่รองรับการปล่อยได้อีกราว 400-500 ล้านบาท โดยบริษัทมีวงเงินในการปล่อยได้สูงสุดประมาณ 1,400-1,500 ล้านบาท

ส่วนธุรกิจให้บริการ EV Bus บริษัทมีแผนจะขยายรถ EV Bus ปีนี้อีกประมาณ 800-900 คัน คิดเป็นมูลค่า 5,000 ล้านบาท จากเดิมที่มีอยู่จำนวน 2,000 กว่าคัน ส่งผลให้ ณ สิ้นปีนี้บริษัทจะมีรถ EV Bus รวมจำนวนกว่า 3,000 คัน ปีนี้บริษัทพร้อมรุกตลาดอย่างเต็มที่ หลังจากใช้เวลาปรับโครงสร้างธุรกิจเสร็จ โดยจะมีการจัดตั้งบริษัท บียอนด์ โฮลดิ้ง ภายในไตรมาส 3 โดยมีบล.บียอนด์และไทยสมายล์อยู่ภายใต้โฮลดิ้ง พร้อมกันนี้ บริษัทจะต่อยอดธุรกิจจากฐานลูกค้าที่เป็นผู้โดยสารรถเมล์ไฟฟ้า เรือโดยสารไฟฟ้า ที่มีการลงทะเบียนซื้อตั๋วเติมเงินก่อนใช้บริการร่วม 1 ล้านราย ด้วยการนำเสนอบริการทางการเงินในกลุ่ม ทั้งธุรกิจหลักทรัพย์ กองทุนรวม ประกัน ลีสซิ่ง

Back to top button