MTC-TIDLOR กอดคอวิ่งคึก! รับกำไรไตรมาส 1 โตแกร่ง

MTC-TIDLOR กอดคอวิ่งคึก! หลังโชว์งบไตรมาส 1/67 กำไรโตแกร่ง ฟาก MTC โกยกำไรแตะ 1.39 พันล้านบาท โต 29.84% รับรายได้ดอกเบี้ยหนุน ด้าน TIDLOR กวาดกำไรทะลุ 1.1 พันล้านบาท โต 15.60% รับพอร์ตสินเชื่อ-นายหน้าประกันภัยพุ่ง


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (8 พ.ค.67) ราคาหุ้นกลุ่มไฟแนนซ์ปรับตัวคึก นำโดยบริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ MTC ล่าสุด ณ เวลา 10:16 น. อยู่ที่ระดับ 47.75 บาท บวก 2.50 บาท หรือ 5.52% สูงสุดที่ระดับ 48.00 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 47.25 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 216.55 ล้านบาท

ส่วนบริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) หรือ TIDLOR ราคาอยู่ที่ระดับ 22.00 บาท บวก 0.30 บาท หรือ 1.38% สูงสุดที่ระดับ 22.10 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 21.90 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 164.86 ล้านบาท

โดย MTC รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 1/67 มีกำไรสุทธิ 1,389.38 ล้านบาท เติบโต 29.84% จากไตรมาส 1/66 อยู่ที่ 1,070.08 ล้านบาท เนื่องจากรายได้รวมไตรมาส 1/67 อยู่ที่ 6,630 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.76%  จากไตรมาส 1/66 อยู่ที่ 5,630 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่มาจากรายได้ดอกเบี้ยในการให้บริการสินเชื่อและสัญญาเช่าซื้อไตรมาส 1/67 อยู่ที่ 6,353 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.74% จากไตรมาส 1/66 อยู่ที่ 5,396 ล้านบาท นอกจากนี้รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการไตรมาส 1/67 อยู่ที่ 241 ล้าน เพิ่มขึ้น 10.55% จากไตรมาส 1/66 อยู่ที่ 218 ล้านบาท

ขณะที่ TIDLOR รายงานผลการดำเนินงานในไตรมาส 1 ปี 2567 เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ ทำกำไรสุทธินิวไฮ จำนวน 1,104.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.6% และมีรายได้รวม 5,309.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22.2% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการเติบโตอย่างต่อเนื่องทั้งธุรกิจสินเชื่อและนายหน้าประกันภัย รวมถึงการบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพตลอดช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา

สำหรับพอร์ตสินเชื่อคงค้าง ณ สิ้นไตรมาสที่ 1 ปี 2567 อยู่ที่ 100,133.3 ล้านบาท ขยายตัว 20.6% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการขยายตัวของพอร์ตสินเชื่อรวม ทั้งช่องทางออฟไลน์ผ่านสาขามากกว่า 1,700 แห่งทั่วประเทศ และช่องทางอื่นๆ เช่น พนักงานขายทางโทรศัพท์ (Telesales)  ตัวแทน และช่องทางออนไลน์ ซึ่งปัจจัยหลักที่สนับสนุนการเติบโตของธุรกิจมาจากการลงทุนและพัฒนาด้านเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง ทั้ง “บัตรติดล้อ” (Tidlor Card) ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2567 ได้มีการส่งมอบบัตรติดล้อแล้วกว่า 666,000 ใบ รวมถึงบริการโอนเงินสินเชื่อเข้าบัญชีผ่านแอปพลิเคชั่นเงินติดล้อ ซึ่งมีปริมาณการใช้งานขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพ (%NPL) อยู่ที่ระดับ 1.6% ซึ่งเป็นไปตามกรอบเป้าหมายที่ตั้งไว้ และยังคงอัตราส่วนเงินสำรองต่อหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ NPL Coverage ในระดับสูงที่ 264%

ด้านธุรกิจนายหน้าประกันยังคงเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง โดย ณ สิ้นไตรมาสที่ 1 ปี 2567 บริษัทฯ มียอดเบี้ยประกันวินาศภัยมูลค่า 2,549.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน  ซึ่งเติบโตได้ดีทั้งช่องทางออฟไลน์ และเทคโนโลยีแพลตฟอร์มเสนอขายประกันออนไลน์ (อารีเกเตอร์) ที่เข้ามาช่วยสนับสนุนให้นายหน้าประกันอิสระสามารถเข้าถึงระบบบริหารจัดการงานขายประกันของตนเองได้อย่างมืออาชีพ รวมถึงแพลตฟอร์มนายหน้าประกันดิจิทัล (heygoody) ที่สร้างขึ้นเพื่อกลุ่มลูกค้าประกันรายย่อยที่ต้องการเปรียบเทียบและเลือกซื้อประกันด้วยตัวเองผ่านช่องทางออนไลน์ ซึ่งเบื้องหลังความสำเร็จของธุรกิจนายหน้าประกันเกิดขึ้นจากการสร้าง พัฒนา และใช้เทคโนโลยีด้านประกันมามากกว่า 10 ปี เพื่อเป็นพื้นฐานการดำเนินธุรกิจนายหน้าประกัน และยังคงเดินหน้าต่อยอด พัฒนาพื้นฐานธุรกิจนายหน้าประกันอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นพื้นฐานสำคัญในการสนับสนุนการดำเนินธุรกิจทั้งในปัจจุบันและอนาคต นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้มีการปรับเปลี่ยนแบรนด์ (Rebrand) จาก “ประกันติดล้อ” เปลี่ยนเป็น “ประกันติดโล่” และยกระดับมาตรฐานการให้บริการอย่างครบวงจร ตั้งแต่การขายจนถึงการเคลม รวมถึงมีแผนที่จะขยายไปสู่ผลิตภัณฑ์ประกันภัยประเภทอื่นๆ ในอนาคตอีกด้วย

ด้านนายปิยะศักดิ์ อุกฤษฎ์นุกูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ กล่าวว่า ภาพรวมการดำเนินธุรกิจในไตรมาส 1 ปี 2567 ยังคงมุ่งเน้นการเติบโตอย่างมีคุณภาพ และใช้ประโยชน์ด้านเทคโนโลยีนำมาต่อยอดพัฒนาธุรกิจ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าให้สามารถเข้าถึงบริการได้อย่างรวดเร็ว ครอบคลุม ตรงกับความต้องการ รวมถึงเพื่อรองรับการเติบโตในระยะยาว และสำหรับแผนการดำเนินธุรกิจปี 2567 เชื่อว่ากลยุทธ์ที่วางไว้จะทำให้ผลการดำเนินงานเป็นไปตามเป้าหมาย พร้อมเดินหน้าบริหารธุรกิจให้เติบโตที่ระดับ 10-20% ทั้งธุรกิจสินเชื่อและนายหน้าประกัน เพื่อสร้างพื้นฐานการเติบโตให้กับ TIDLOR ได้อย่างยั่งยืนในอนาคต

Back to top button