
PF บวกแรง 22% กางแผนไตรมาส 2 รุกแนวราบ เป้ายอดขาย 3 พันล้าน
PF ดีดแรง 22% กางแผนไตรมาส 2 รุกโครงการแนวราบ ตั้งเป้ายอดขาย 3,000 ล้านบาท ได้แรงหนุนมาตรการผ่อนคลายเกณฑ์ LTV พร้อมเน้นทำตลาดบ้านกลุ่มลักซ์ชัวรี่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (23 เม.ย.68) ราคาหุ้น บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) หรือ PF ณ เวลา 10:46 น. อยู่ที่ระดับ 0.11 บาท บวก 0.02 บาท หรือ 22.22% สูงสุดที่ระดับ 0.11 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 0.10 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.21 ล้านบาท
นายวสันต์ ศรีรัตนพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่กลุ่มพัฒนาธุรกิจ PF เปิดเผยว่า แผนการดำเนินงานในไตรมาส 2/2568 บริษัทจะมุ่งทำการตลาดเพื่อกระตุ้นยอดขายจากโครงการแนวราบ ซึ่งเป็นสินค้าหลักของบริษัท และไม่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว คาดว่าจะมีกลุ่มลูกค้ามองหาที่อยู่อาศัยแนวราบมากขึ้น ขณะที่มาตรการผ่อนคลายเกณฑ์การพิจารณาสินเชื่อที่อยู่อาศัย (LTV) ที่จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2568 นี้ จะเป็นปัจจัยหนุนที่ช่วยขยายฐานลูกค้าที่ต้องการซื้อบ้านหลังที่ 2 ได้อีกทางหนึ่ง
โดยในไตรมาส 2/2568 บริษัทตั้งเป้าหมายยอดขาย (Presale) ไว้ที่ 3,000 ล้านบาท จะเน้นการตลาดเชิงรุกกับโครงการบ้านระดับไฮเอนด์ที่ยังคงมีกำลังซื้อสูงในปัจจุบัน เพื่อให้ได้ยอดขายจากโครงการในเซกเมนต์ระดับบนที่ 1,500 ล้านบาท ทั้งโครงการเพอร์เฟค มาสเตอร์พีซ ซึ่งเตรียมจะเปิดบ้านตัวอย่างรุ่นใหม่ในทำเลกรุงเทพกรีฑา ขณะเดียวกันยังมีโครงการเลค เลเจ้นด์ บางนา-สุวรรณภูมิ และแจ้งวัฒนะ ที่มีคฤหาสน์ริมทะเลสาบ โครงการวิลล่าตากอากาศ เบลล่า เดล มอนเต้ เขาใหญ่ ที่ตั้งเป้าปิดการขายเฟส 1 และเปิดตัวพูลวิลล่าเฟส 2 ภายในไตรมาส 2/2568นี้
นอกจากนี้ ยังมีบ้านหรู “ซิกเนเจอร์” ในทำเล กรุงเทพกรีฑา รามคำแหง และสุขุมวิท 77 ซึ่งเป็นโครงการร่วมทุนกับเซกิซุย เคมิคอล ประเทศญี่ปุ่น เป็นบ้านที่นำเอาเทคโนโลยีและนวัตกรรมจากญี่ปุ่นมาใช้อย่างเต็มรูปแบบ เช่น ระบบกรองอากาศ ป้องกันฝุ่น ระบบกันความร้อน ปรับอุณหภูมิให้บ้านเย็นสบาย ระบบผนังป้องกันเสียง และที่สำคัญคือ เป็นบ้านที่ใช้โครงสร้างเหล็กที่ทนทานต่อแผ่นดินไหวได้ถึง 7 ริกเตอร์ ซึ่งคาดว่าจะเป็นสินค้าที่ได้รับความสนใจเพิ่มมากขึ้น
นายวสันต์ กล่าวอีกว่า บริษัทยังเตรียมปล่อยแคมเปญบ้านพร้อมอยู่รูปแบบใหม่ “สวยเลือกได้” รองรับกลุ่มลูกค้าที่ต้องการบ้านพร้อมเข้าอยู่ แต่ยังต้องการปรับเปลี่ยนวัสดุบางอย่างให้ตรงตามไลฟ์สไตล์มากขึ้น โดยลูกค้าสามารถปรับเปลี่ยนวัสดุ ตลอดจนสีตัวบ้าน และรูปแบบสวน และเข้าอยู่ได้ภายใน 3 เดือน ในโครงการเพอร์เฟค เพลส, เพอร์เฟค พาร์ค และ โมดิ วิลล่า รวม 25 โครงการ ซึ่งคาดจะสร้างยอดขายได้ประมาณ 1,000 ล้านบาท
ส่วนคอนโดมิเนียม จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่ผ่านมา โครงการของบริษัทได้รับผลกระทบน้อยมาก อย่างไรก็ตาม บริษัทมีการตรวจสอบความปลอดภัยของทุกอาคารตั้งแต่วันแรกหลังเกิดเหตุการณ์ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้า ซึ่งโครงการส่วนใหญ่ หรือจำนวน 23 โครงการ รวม 17,100 ยูนิต เป็นอาคาร Low Rise 8 ชั้น ซึ่งไม่ได้รับผลกระทบ
“ปัจจุบันบริษัทมีโครงการคอนโดมิเนียมที่ก่อสร้างแล้วเสร็จอยู่ระหว่างเปิดขายทั้งหมด 7 โครงการ เป็นคอนโดมิเนียมแบบ Low Rise 4 โครงการ บริษัทมีแผนเร่งผลักดันยอดขายโครงการอยู่รวยคอนโด และโครงการไอคอนโด พัฒนาการ ซึ่งเป็นคอนโดมิเนียมแบบ Low Rise ในระดับราคาที่เป็นเจ้าของได้ง่าย ที่ยังมีความน่าสนใจและยังเป็นที่ต้องการ เพื่อสร้างกระแสเงินสดให้กับบริษัท โดยวางเป้าขายโครงการคอนโดมิเนียมในไตรมาส 2/2568 ไว้ที่ 400 ล้านบาท” นายวสันต์ กล่าว