
FPT บวก 2% รับกำไร Q3 โต 94% แตะ 644 ล้านบาท อานิสงส์ต้นทุนลด
FPT วิ่ง 2% หลังรายงานกำไรไตรมาส 3/68 โต 94% แตะ 644 ล้านบาท รับอานิสงส์ต้นทุนลดลง และมีรายได้ค่าเช่า-บริการเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า
ผู้สื่อข่าวรายงาน วันนี้ (8 ส.ค.68) ราคาหุ้น บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ FPT ณ เวลา 11:22 น. อยู่ที่ระดับ 6.15 บาท บวก 0.10 บาท หรือ 1.65% สูงสุดที่ระดับ 6.25 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 6.05 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 0.75 ล้านบาท
โดยราคาหุ้น FPT ปรับตัวเพิ่มขึ้นวันนี้ หลังรายงานผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3 และงวด 9 เดือนแรกของปี 68 ออกมาเติบโต ดังนี้
โดยในไตรมาส 3 ปี 2568 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2568 บริษัทมีรายงานรายได้จากการประกอบธุรกิจจำนวน 3,549.3 ล้านบาท ลดลง 5.8% หรือ 217.5 ล้านบาทเมื่อเทียบกับปีก่อน ขณะที่รายได้รวมอยู่ที่ 4,037.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.5% หรือ 211.3 ล้านบาท บริษัทมีกำไรสุทธิสำหรับงวดจำนวน 646.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 90.4% หรือ 306.7 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นบริษัทใหญ่จำนวน 644.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 94.8% หรือ 313.5 ล้านบาท
รายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ลดลง 289.2 ล้านบาท หรือ 10.6% มาอยู่ที่ 2,441.5 ล้านบาท จากปีก่อนที่ 2,730.7 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและภาระหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นจากกลุ่มอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัยลดลงมาอยู่ที่ 22.6% จาก 27.7% ในปีก่อน อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ได้เปิดตัวโครงการใหม่ 3 โครงการ
ได้แก่ โกลดีน่า สุขุมวิท-แบริ่ง (ทาวน์โฮมระดับพรีเมียม) และโครงการบ้านเดี่ยวระดับลักชัวรี่ แกรนดิโอ ขอนแก่น-มิตรภาพ และแกรนดิโอ โคราช-เทอร์มินอล ซึ่งได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคเป็นอย่างดี ปัจจัยสนับสนุนมาจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย รวมถึงกลยุทธ์การนำเสนอสินค้าคุณภาพและการสร้างแบรนด์อย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ รายได้จากการให้เช่าและบริการที่เกี่ยวข้องเพิ่มขึ้น 65.3 ล้านบาท หรือ 8.5% มาอยู่ที่ 834.0 ล้านบาท จาก 768.8 ล้านบาทในปีก่อน โดยได้รับแรงหนุนจากความต้องการพื้นที่โรงงานและคลังสินค้าที่เพิ่มสูงขึ้นจากการย้ายฐานการผลิตมายังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะในไทย อินโดนีเซีย และเวียดนาม อัตราการเช่าพื้นที่โรงงานและคลังสินค้าในประเทศไทย ณ สิ้นไตรมาส 3 อยู่ที่ 93% สูงสุดในรอบ 6 ไตรมาส และในเวียดนามมีการส่งมอบพื้นที่ใหม่กว่า 24,000 ตารางเมตร สำหรับธุรกิจอาคารสำนักงานและรีเทลมีรายได้เพิ่มขึ้นเช่นกันจากการปรับค่าเช่าหลังการต่อสัญญา โดยมีอัตราการเช่าเฉลี่ยสูงถึง 91%
โดยรายได้จากธุรกิจโรงแรมลดลง 17.3 ล้านบาท หรือ 19.0% มาอยู่ที่ 73.9 ล้านบาท จาก 91.2 ล้านบาทในปีก่อน อันเป็นผลจากจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่ลดลง และเหตุการณ์แผ่นดินไหวในเดือนมีนาคม ซึ่งทำให้ห้องพักบางส่วนไม่สามารถให้บริการได้ในช่วงไตรมาส 3 อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ได้ซ่อมแซมห้องพักแล้วเสร็จในช่วงปลายเดือนมิถุนายน และพร้อมเปิดให้บริการเต็มรูปแบบในไตรมาส 4
รายได้ค่าบริหารจัดการเพิ่มขึ้น 23.8 ล้านบาท หรือ 13.5% มาอยู่ที่ 199.9 ล้านบาท จากรายได้ในการบริหารสินทรัพย์ให้กับ FTREIT ที่เพิ่มขึ้น ส่วนรายได้จากการขายที่ดินในเขตอุตสาหกรรมและคลังสินค้าในไทยและเวียดนามอยู่ที่ 413.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 12.4 ล้านบาทในปีก่อน ตามกลยุทธ์การบริหารพอร์ตสินทรัพย์ให้มีประสิทธิภาพ
ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมและการร่วมค้าหลังหักกำไรที่ยังไม่เกิดขึ้นจากการขายอสังหาริมทรัพย์เพิ่มขึ้น 8.8 ล้านบาท มาอยู่ที่ 142.1 ล้านบาท จาก 133.3 ล้านบาทในปีก่อน สะท้อนถึงผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นของ FTREIT และโครงการสามย่านมิตรทาวน์
ต้นทุนจากการประกอบธุรกิจลดลง 2.4% หรือ 59.7 ล้านบาท มาอยู่ที่ 2,423.0 ล้านบาท จากการบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม อัตรากำไรขั้นต้นลดลงจาก 34.1% เหลือ 31.7% สาเหตุจากอัตรากำไรขั้นต้นของกลุ่มอสังหาฯ ที่ลดลง ด้านค่าใช้จ่ายในการจัดจำหน่ายและบริหารลดลง 4.1% หรือ 29.9 ล้านบาท เหลือ 698.5 ล้านบาท โดยเฉพาะจากค่าใช้จ่ายในการโอนที่ลดลง ทำให้ต้นทุนและค่าใช้จ่ายรวมอยู่ที่ 3,121.5 ล้านบาท ลดลง 2.8% หรือ 89.6 ล้านบาท
ขณะที่ต้นทุนทางการเงินลดลงเล็กน้อย 0.3% หรือ 1.1 ล้านบาท จากการลดลงของยอดหุ้นกู้และเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน เทียบกับปีก่อน สะท้อนถึงการบริหารโครงสร้างเงินทุนอย่างมีประสิทธิภาพ