
BKA บวกคึก 7% ลุ้นรายได้ปีนี้โต 20% หลังจับมือ BAM-UOB หนุนรีโนเวทบ้านเพิ่ม
BKA วิ่งแรง 7% แย้มหลังเซ็น MOU กับ BAM และ UOB เพิ่มความสามารถรีโนเวทบ้านเป็น 400-500 หลังต่อปี หนุนอัตรากำไรขั้นต้นพุ่งระดับ 30% ดันรายได้ปีนี้โต 15-20% ลุยขยายทำเลทองโซนลาดพร้าว บางกะปิ รามคำแหง และสวนหลวง ระดับราคา 5-10 ล้านบาท รับดีมานด์-กำลังซื้อสูง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (27 ส.ค.68) ราคาหุ้น บริษัท บางกอก แอสเซท อินเตอร์กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BKA ณ เวลา 10:31 น. อยู่ที่ระดับ 1.44 บาท บวก 0.09 บาท หรือ 6.67% สูงสุดที่ระดับ 1.47 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 1.37 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 10.83 ล้านบาท
นายพชร ธนวงศ์เกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BKA เปิดเผยว่า ภายหลังจากได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางธุรกิจ (MOU) กับพันธมิตร ทั้งบริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ BAM และธนาคารยูโอบี จำกัด (มหาชน) (UOB) เพื่อพลิกทรัพย์ร้างเป็นทรัพย์สร้างกำไรในช่วงที่ผ่านมา ล่าสุด BKA ได้รับทรัพย์มาดำเนินการเพื่อเป็นต้นแบบของโมเดลแล้วเบื้องต้น 1 ล็อต และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในอนาคตจะขยายเพิ่มขึ้นเป็น 50-100 รายการต่อปี
โดยโมเดลของการร่วมมือในรูปแบบนี้ เป็นแรงขับเคลื่อนสู่การสร้างการเติบโตแบบก้าวกระโดดในอนาคต และที่สำคัญจะเพิ่มความสามารถในการปรับปรุง (รีโนเวท) บ้านเป็น 400-500 หลังต่อปี จากเดิม 200-300 หลังต่อปี ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และสนับสนุนอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นแตะระดับ 30% จากเดิมอยู่ที่ระดับ 20% เนื่องจากขั้นตอนการดำเนินการที่ลดลง
“ปัจจุบันมี NPA ที่ยังขายไม่ออกอีกจำนวนมาก ซึ่งจะเปิดโอกาสให้บริษัทได้เข้าไปให้บริการในอีกหลาย ๆ AMC และสถาบันการเงินอีกหลายแห่ง จะเข้ามาร่วมเป็นพันธมิตรกับบริษัทมากขึ้น ซึ่งบริษัทมีความพร้อมในเรื่องของทีมงานมืออาชีพที่จะเข้าไปให้บริการได้ครบทุกมิติ” นายพชร กล่าว
สำหรับภาพรวมของตลาดอสังหาริมทรัพย์ครึ่งปีหลังของปี 2568 บริษัทมองว่าจะเห็นการเปิดตัวโครงการใหม่ ๆ น้อยลง ส่งผลให้แรงขายเกิดการชะลอตัว ในทางกลับกัน BKA ไม่ได้ขายอสังหาริมทรัพย์มือหนึ่ง ดังนั้น จะมีข้อได้เปรียบ หากผู้บริโภคที่ต้องการบ้านในวงเงินที่จำกัด บนพื้นที่ที่ต้องการ ซึ่ง BKA สามารถตอบโจทย์การคัดสรรบ้านมือสองได้อย่างลงตัว
นายพชร กล่าวอีกว่า ยิ่งเศรษฐกิจไม่ดี กำลังซื้อหด แต่ผู้ที่ต้องการบ้านยังคงมีอยู่ บนขีดความสามารถที่จำกัด ในราคาที่จับต้องได้ ดังนั้น จึงทำให้บริษัทยังคงเป้าหมายรายได้ปี 2568 จะเติบโต 15-20% จากปีก่อน ซึ่งยิ่งตอกย้ำให้เห็นถึงศักยภาพของ BKA มากขึ้น เพราะ “บางกอก แอสเซท ที่หนึ่งเรื่องบ้านมือสอง”
ขณะที่ล่าสุด BKA ยังคงวางแผนจะขยายไปในกรุงเทพฯ อาทิ โซนลาดพร้าว, บางกะปิ, รามคำแหง และสวนหลวงมากขึ้น เพื่อสอดรับกับแผนการขยายโซนตามที่เคยแจ้งไว้ในช่วงที่นำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เพื่อเป็นการขยายฐานและต่อยอดรายได้ ในโครงการบ้านโซนนนทบุรี ซึ่งเป็นโซนหลักที่บริษัทมีความชำนาญ
ทั้งนี้ การขยายโครงการในโซนกรุงเทพฯ นั้น บริษัทมองว่าจะสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับบริษัทได้เพิ่มขึ้น เพราะเชื่อว่าในพื้นที่ดังกล่าวมีกำลังซื้อที่สูง มีดีมานด์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และยังถือว่าเป็นการกระจายพอร์ตรายได้ให้ครอบคลุมทุกพื้นที่รอบกรุงเทพฯ โดยยังคงเน้นที่ระดับราคา 5-10 ล้านบาทเป็นหลัก เพราะเป็นกลุ่มราคาในระดับที่มีความต้องการสูง และเป็นตลาดที่ยังคงมีการเติบโตได้ เนื่องจากมีคู่แข่งในตลาดค่อนข้างน้อย
นอกจากนี้ ปัจจุบันการเปิดตัวโครงการบ้านจะอยู่ที่ระดับราคาเกิน 10 ล้านบาทขึ้นไป ดังนั้น ในกลุ่มระดับราคา 5-10 ล้านบาท จึงยังคงเป็นลูกค้าที่มีความเสี่ยงน้อย ทำให้สถาบันการเงินยังคงปล่อยสินเชื่อกับกลุ่มนี้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจากปัจจัยดังกล่าวจะส่งผลเชิญบวกอย่างมีนัยสำคัญกับ BKA ในอนาคต