BEM-BTS กอดคอบวก รับสภาไฟเขียวกฎหมาย 2 ฉบับ หนุนนโยบาย 20 บาทตลอดสาย

BEM-BTS กอดคอบวก ตอบรับสภาผุ้แทนราษฎรไฟเขียว พรบ.ตั๋วร่วม-พรบ.รฟม. 2 วาระรวม หนุนนโยบาย 20 บาทตลอดสาย โบรกฯ มองเป็นบวกต่อหุ้น BEM-BTS แนะ “ซื้อ” BEM เป้า 9.05 บาท


ผู้สื่อข่าวรายว่า วันนี้(28 ส.ค.68) ราคาหุ้นบริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM ณ เวลา 10:31 น. ราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 5.25 บาท บวก 0.15 บาท หรือ 2.94% ราคาสูงสุด 5.25 บาท ราคาต่ำสุด 5.05 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 110.24 ล้านบาท

ด้านบริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS ณ เวลา 10:33 น. ราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 3.26 บาท บวก 0.04 บาท หรือ 1.24% ราคาสูงสุด 3.26 บาท ราคาต่ำสุด 3.22 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 79.35 ล้านบาท

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวานนี้ (27 ส.ค.68) ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีมติเอกฉันท์ 383 เสียงให้ความเห็นชอบ “ร่างพระราชบัญญัติบริ หารจัดการระบบตั๋วร่วม” ถือเป็นร่างกฎหมายฉบับที่ 2 จากทั้งหมด 3 ฉบับในชุดร่างกฎหมายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ในวาระที่ 3 ตามที่คณะกรรมาธิการฯ พิจารณาแล้วเสร็จ

นอกจากนี้ ที่ประชุมสภาฯ ยังมีมติเสียงข้างมาก 248 เสียงต่อ 151 เสียงให้ความเห็นชอบ “ร่างแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย” วาระที่ 2 และ 3 ถือเป็นร่างกฎหมายฉบับสุดท้ายในชุดร่างกฎ หมายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย

สำหรับขั้นตอนหลังจากนี้ สภาผู้แทนราษฎร จะส่งชุดร่างกฎหมายทั้ง 3 ฉบับ ประกอบด้วย 1) ร่าง พ.ร.บ.การขนส่งทางราง (ผ่านสภาฯ ความเห็นชอบไปก่อนหน้านี้แล้ว) 2) ร่าง พรบ.บริหารจัดการระบบตั๋วร่วม 3) ร่าง พรบ.การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย ส่งให้วุฒิสภาพิจารณาตามขั้นตอนต่อไป

สาเหตุที่ต้องรอ พ.ร.บ.ตั๋วร่วมให้ผ่านออกมาเป็นกฎหมาย เนื่องจากจะต้องจัดตั้งกองทุนส่งเสริมระบบตั๋วร่วม จะเป็นกลไกสำคัญในการชดเชยส่วนต่างของรายได้ค่าโดยสารให้แก่ผู้ให้บริการรถไฟฟ้าต่าง ๆ เพื่อให้สามารถเก็บค่าโดยสารอัตรา 20 บาทตลอดสายได้จริง ขณะที่ พ.ร.บ.การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2543 (พ.ร.บ.รฟม.ฉบับแก้ไข) นั้น เพื่อให้มีผลบังคับใช้ในการนำเงินจากกองทุน รฟม. มาชดเชยค่าโดยสาร

โดยรัฐบาลได้ประกาศชะลอนโยบายดังกล่าวจากเดิมจะเริ่มวันที่ 1 ตุลาคม 2568 ออกไปเป็นภายใน 15 พฤศจิกายน 2568 โดยให้เหตุผลว่าต้องรอการพิจารณาร่างกฎหมายสำคัญ 3 ฉบับเสร็จก่อน

ล่าสุด นางสาวสารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการสภาองค์กรของผู้บริโภค เสนอให้รัฐบาลนำงบประมาณ 34,000 ล้านบาท ที่ตั้งไว้สำหรับโครงการก่อสร้างทางด่วนชั้นที่ 2 มาขับเคลื่อนนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายแทน โดยให้เหตุผลว่า การสร้างทางด่วนสองชั้น ไม่ได้แก้ปัญหารถติดในกรุงเทพฯ อย่างแท้จริง แต่กลับกระตุ้นให้คนใช้รถยนต์ส่วนตัวมากขึ้น โดยการลงทุนระบบรถไฟฟ้าจะทำให้ประชาชนหันมาใช้ขนส่งสาธารณะมากขึ้นในราคาที่เข้าถึงได้จริง สร้างผลประโยชน์ต่อสังคมโดยรวมมากกว่าการสร้างถนนเพิ่ม

ด้านนางสาวปาหนัน โตสุวรรณถาวร รองกรรมการผู้จัดการบัญชีและการเงิน บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM  ชี้แจงกรณีการเลื่อนใช้นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ในวันที่ 1 ต.ค.68 เป็นกลาง พ.ย.68 ว่า ไม่ได้มีผลกระทบต่อบริษัท เพราะปัจจุบันจำนวนผู้โดยสาร (ridership) ของรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินก็หนาแน่นอยู่แล้ว โดยในเดือน ส.ค.68 ที่ผ่านมาทะลุ 5 แสนเที่ยว/คน/วัน แล้ว จะเห็นได้ว่าจำนวนผู้โดยสารไม่ได้ลดลงอย่างที่กังวลกัน เพียงแต่นโยบาย 20 บาทอาจมาช้าไปบ้าง แต่ไม่มีผลต่อผลการดำเนินงานของบริษัทแน่นอน

ทั้งนี้ เดือนส.ค.68 จำนวนผู้โดยสารเฉลี่ยในวันธรรมดา (Weekday) อยู่ที่ 5.2 แสนคน/วัน เติบโต 6% จากเดือนก.ค.68 ที่มีจำนวนผู้โดยสาร Weekly เฉลี่ย 4.9 แสนคน/วัน โดยวันศุกร์มีจำนวนผู้โดยสารพุ่งสูงถึง 5.3-5.4 แสนคน/วันแล้ว นอกจากนี้ ในปีนี้รายได้จากค่าโดยสารได้รับการปรับอัตราค่าโดยสารเต็มปี

สำหรับการปรับแก้สัญญาสัมปทานการเดินรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ได้มีการหารือเบื้องต้นแล้ว ที่จะให้ส่วนต่างราย ได้ที่เกิดจากนโยบาย 20 บาทตลอดสาย บริษัทจะให้ส่วนแบ่งรายได้กับรัฐ

ด้านบริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า การประชุมสภาผู้แทนราษฎรได้พิจารณาร่างพระราชบัญญัติการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม พ.ศ. … ในวาระ 3 และมีมติให้ความเห็นชอบด้วยคะแนนเสียง 382 ต่อ 0 เสียง งดออกเสียง 2 เสียง และไม่ลงคะแนน 5 เสียง โดยร่างกฎหมายดังกล่าวจะถูกส่งให้วุฒิสภาพิจารณาต่อไป เป็นปัจจัยบวกต่อ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS และบริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM โดยคาดว่านโยบายตั๋วร่วมและค่าโดยสาร 20 บาทตลอดสายจะใกล้ความจริงมากขึ้น ทั้งนี้ แนะนำ “ซื้อ” BEM ราคาเป้าหมาย 9.05 บาท ส่วน BTS แนะนำ “ถือ” โดยราคาพื้นฐานอยู่ระหว่างการปรับปรุงใหม่

Back to top button