
BCP บวกต่อ 2% โบรกอัพคำแนะนำ “ซื้อ” เป้า 34 บ. รับแผนดัน EBITDA โต 100% ภายในปี 71
BCP บวกต่อ 2% หลังโบรกอัพคำแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 34 บาท รับแผนดัน EBITDA เติบโต 100% ภายในปี 71 พร้อมมองครึ่งหลังปี 68 กำไรยังสดใส จากอัตราการกลั่นน้ำมันสูงขึ้นและธุรกิจพลังงานหนุน พร้อมมุ่งขยายธุรกิจครบวงจร ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้ (26 ก.ย. 68) ราคาหุ้น บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP ณ เวลา 11:20 น. อยู่ที่ระดับ 31.25 บาท บวก 0.50 บาท หรือ 1.63% สูงสุดที่ระดับ 31.50 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 30.75 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 51.71 ล้านบาท
โดยราคาหุ้นปรับตัวขึ้นตอบรับข่าว นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม BCP กล่าวว่า บางจากฯ ได้ขยายธุรกิจพลังงานครอบคลุมตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำดำเนินธุรกิจในกว่า 10 ประเทศทั่วโลก โดยในปี 2567 มีสินทรัพย์รวมกว่า 316,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 5 เท่า จากราว 59,000 ล้านบาทในปี 2553 ความสำเร็จนี้สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพขององค์กรที่สามารถปรับตัว เปลี่ยนผ่าน และสร้างการเติบโตได้อย่างต่อเนื่องในระยะเวลาไม่นานแต่ปัจจุบัน เรากำลังเผชิญกับความท้าทายที่ซับซ้อน ท่ามกลางความผันผวนของภูมิรัฐศาสตร์ ราคาพลังงานที่ไม่แน่นอน และแรงกดดันจากการเปลี่ยนผ่านด้านสภาพภูมิอากาศ แม้สังคมโลกจะเร่งผลักดันการลดคาร์บอน แต่รายงานจากหลายสำนักยังชี้ว่าไฮโดรคาร์บอนจะคงเป็นพลังงานหลักของเศรษฐกิจโลกจนถึงปี 2593
ดังนั้น บางจากฯ เร่งเครื่องกลยุทธ์ Bangchak 100x เพื่อการเติบโตอย่างมั่นคง โดยมุ่งเน้นการลงทุนที่สร้างผลตอบแทน (Return-Focused Investment) ควบคู่กับการขยายการดำเนินงานในระดับสากล ให้ความสำคัญกับการสร้างคุณค่าในธุรกิจหลักและการใช้เงินลงทุนอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อรักษาความเป็นผู้นำด้านอัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้น (Top Tier TSR) ซึ่งตลอด 5 ปีที่ผ่านมาอยู่ในระดับสูงกว่าคู่แข่ง และพร้อมผลักดันให้ดียิ่งขึ้น
ขณะเดียวกัน ยังมุ่งสู่การเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน ด้วยการลงทุนเพื่อรองรับอนาคตที่ขับเคลื่อนด้วยเชื้อเพลิงโมเลกุลสะอาด (Clean Molecules – Future Proof) พลังงานทางเลือกที่ช่วยลดการปล่อยคาร์บอนสู่บรรยากาศ และตอบโจทย์ความยั่งยืนในระยะยาว
ขณะที่ บล.ดาโอ ระบุถึง BCP มีมุมมองเป็นบวกมากขึ้นต่อแนวโน้มธุรกิจของในครึ่งหลังปี 68 และกลยุทธ์ระยะยาวของบริษัท ดังนี้ 1.) ภาพรวมกำไรยังคงมีแนวโน้มสูงขึ้นเมื่อเทียบครึ่งปีแรกกับครึ่งหลัง หลักๆ จากอัตราการกลั่นน้ำมันดิบ (crude run) และค่าการกลั่นที่สูงขึ้นของธุรกิจโรงกลั่น อีกทั้ง ธุรกิจไฟฟ้าพลังงานสะอาดน่าที่จะได้ประโยชน์จากการเข้าสู่ high season ของโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำในลาวและโรงไฟฟ้าพลังงานก๊าซธรรมชาติในสหรัฐอเมริกา (US CGGT) จะเห็นค่าความพร้อมจ่าย (capacity price) ที่สูงขึ้น
2.) บริษัทปรับโครงสร้างธุรกิจใหม่และตั้งเป้าทะเยอทะยานในการเพิ่ม EBITDA ให้ได้ 2 เท่าภายในปี 71 จากปี 68 ซึ่งจะมาจากทั้งธุรกิจปัจจุบันที่เติบโต (เช่น ธุรกิจโรงกลั่นและการตลาด และพลังงานชีวภาพ, ธุรกิจต้นน้ำ (OKEA) รวมถึง การพัฒนาให้ดีขึ้นของธุรกิจซื้อการค้าน้ำมัน (trading) ซึ่งเป็นธุรกิจเรือธง (flagship) ใหม่ของบริษัท
3.) ประกาศแผนซื้อหุ้นคืนภายใน 3 ปี (69-71) โดยตั้งเป้าจะนำเข้าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท (BOD) ภายในปีนี้เพื่อพิจารณากรอบวงเงินในการซื้อหุ้นคืน
4.) ปรับคำแนะนำขึ้นเป็น “ซื้อ” จากเดิม “ถือ” ที่ราคาเป้าหมายเดิมปี 68 ที่ 34.00 บาท อิง SOTP จากแนวโน้มกำไรที่ฟื้นตัวครึ่งหลังปี 68 โดยสำหรับภาพรวมไตรมาส 3/68 เราเชื่อว่าบริษัทจะกลับมารายงานกำไรสุทธิได้ตามการรับรู้ขาดทุนจากสต๊อก (stock loss net of NRV) ที่เป็นไปได้ที่ลดลง