
TRUE วิ่งต่อ 4% ลุ้นโชว์กำไร Q3 เฉียด 3 พันล้าน โบรกชูเป้า 14.12 บาท
TRUE บวกต่อ 4% คลายกังวล “เทเลนอร์” ถอนการลงทุนจากไทย โบรกเกอร์คาด 4 พ.ย.นี้ แจ้งงบไตรมาส 3/68 ลุ้นกำไรสุทธิ 2,850 ล้านบาท เก็งเงินปันผล 9 เดือนแรกปีนี้ 0.09 บาท เชียร์ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 14.12 บาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (3 ต.ค.68) ราคาหุ้น บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE ณ เวลา 14:26 น. อยู่ที่ระดับ 11.30 บาท บวก 0.40 บาท หรือ 3.67% สูงสุดที่ระดับ 11.40 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 11.00 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.53 พันล้านบาท
โดยราคาหุ้น TRUE ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง รับข่าว นายซิคเว่ เบรกเก้ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม TRUE และอดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Telenor Group เปิดเผยในงานฉลองครบรอบ 25 ปี การดำเนินงานในประเทศไทย เมื่อวันที่ 1 ต.ค. 2568 ร่วมกับนายเยนส์ เพตเตอร์ โอลเซ่น (ประธานกรรมการ Telenor Group), นายเบเนดิกต์ ชิลเบรด แฟสเมอร์ (ประธานเจ้าหน้าที่บริหารคนใหม่ของ Telenor Group และนายจอน โอมุนด์ เรฟฮัก (หัวหน้า Telenor Asia) ที่ร่วมเป็นวิทยากรว่า ประเด็นสำคัญประการแรก การควบรวมกิจการระหว่างบริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ DTAC และ TRUE ได้เพิ่มมูลค่าหุ้นจากระดับ 50,000 ล้านบาท ใน DTAC เป็น 400,000 ล้านบาทใน TRUE ซึ่งมีขนาดเทียบเท่าบริษัทที่มีมูลค่าใหญ่เป็นอันดับที่ 8 ในตลาดหลักทรัพย์ออสโล
ประการที่สอง Telenor มุ่งหวังจะสานต่อความร่วมมือที่แข็งแกร่งในประเทศไทย ประการที่สาม Telenor ถือเป็นผู้ให้บริการโทรคมนาคมจากตะวันตก ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในการลงทุนในเอเชียจนถึงปัจจุบัน และประการที่สี่ นายซิคเว่ ในนามตัวแทนของกลุ่ม CP ได้นำเสนอค่านิยมหลัก ได้แก่ การมองยาว, การคิดใหญ่, การก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว โดยคุณภาพการให้บริการของ TRUE จะดีขึ้นอย่างมากช่วงต้นปีหน้า จากการปรับปรุงประสิทธิภาพเครือข่ายที่เสร็จสมบูรณ์ และการใช้คลื่นความถี่ 1500 MHz และ 2300 MHz ได้อย่างเต็มศักยภาพ
บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ประเมินว่า มีมุมมองเชิงบวกเล็กน้อยต่อ TRUE จากงานนี้ คือ ผู้บริหารชุดใหม่ของ Telenor แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงความมุ่งมั่นต่อการดำเนินงานในตลาดไทย และนายซิคเว่ น่าจะทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมที่แข็งแกร่งระหว่างกลุ่ม CP และ Telenor Group แต่ไม่สามารถตัดความเป็นไปได้ที่ผู้บริหารชุดใหม่ของ Telenor Group อาจต้องพิจารณาโอกาสทั้งหมด ที่จะเพิ่มผลตอบแทนสูงสุดให้แก่ผู้ถือหุ้น Telenor Group
ขณะเดียวกัน TRUE มีกำหนดรายงานงบการเงินไตรมาส 3/2568 วันที่ 4 พ.ย. 2568 และจะจัดการประชุมนักวิเคราะห์ในวันที่ 5 พ.ย. 2568 คาดว่า TRUE จะรายงานกำไรสุทธิ 2,850 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ขาดทุน 810 ล้านบาท และเพิ่มขึ้นประมาณ 40% จากไตรมาสก่อนที่มีกำไรสุทธิ 2,031 ล้านบาท หากไม่รวมรายการครั้งเดียว เช่น ผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาท (FX), รายได้ภาษีและค่าด้อยสินทรัพย์
รวมถึงคาดกำไรปกติ 4,230 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 45.60% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ประมาณ 2,907 ล้านบาท และเพิ่มขึ้น 20.20% จากไตรมาสก่อนประมาณ 3,520 ล้านบาท หนุนจากต้นทุนการผนึกกำลังจากการรวมกิจการ และต้นทุนคลื่นความถี่ที่ลดลงประมาณการกำไรปกติ 9 เดือนแรกปีนี้ เท่ากับ 76.3% ของประมาณการกำไรปกติทั้งปีนี้ และยังคาดว่า TRUE จะประกาศเงินปันผลต่อหุ้น (DPS) 9 เดือนแรกปีนี้ที่ 0.09 บาทต่อหุ้น หรือเท่ากับ 50% ของกำไรสุทธิ 9 เดือนแรกปีนี้ และมีอัตราตอบแทนเงินปันผลที่ 1.13%
โดยคาดว่ารายได้ปกติไตรมาส 3/2568 ของ TRUE จะลดลง 1.20% จากช่วงเดียวกันปีก่อน เนื่องจากการสูญเสียคอนเทนต์ EPL และผลกระทบที่ต่อเนื่องมาจากเหตุขัดข้องของเครือข่ายไตรมาส 2/2568 คาดว่ารายได้จากธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ในไตรมาส 3/2568 (คิดเป็น 80% ของรายได้หลัก) จะทรงตัว (ลดลง 0.20% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน) จากรายได้เฉลี่ยต่อผู้ใช้บริการ (ARPU) ที่เพิ่มขึ้น 3.90% เป็น 220 ล้านบาท แต่คาดจะถูกชดเชยจากการสูญเสียผู้ใช้บริการที่ 5.20% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เหลือ 46.73 ล้านราย จึงคาดว่ารายได้จากธุรกิจอินเทอร์เน็ตบ้าน (FBB) ในไตรมาส 3/2568 (คิดเป็น 15.80%) จะเพิ่มขึ้น 1.80% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน หนุนจากจำนวนผู้ใช้บริการที่เพิ่มขึ้น 2.10% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และ ARPU ที่เพิ่มขึ้น 0.60% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็น 527 บาท ขณะเดียวกัน คาดว่ารายได้จากบริการอื่น ๆ (payTV และธุรกิจองค์กร คิดเป็น 4.7%) ในไตรมาส 3/2568 จะลดลง 22.10% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ขณะที่ต้นทุนคลื่นความถี่ลดลง TRUE เริ่มบันทึกต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับใบอนุญาตคลื่นความถี่ 1.5GHz และ 2.3GHz (ราคาประมูลที่ชนะอยู่ที่ 26,400 ล้านบาท) ตั้งแต่วันที่ 4 ส.ค. มูลค่ารวม 360 ล้านบาท (ค่าใช้จ่าย D&A ที่ 283 ล้านบาท และต้นทุนทางการเงินที่ 77 ล้านบาท) ขณะเดียวกัน ต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับค่าบริการโรมมิ่งกับ NT ถูกบันทึกประมาณหนึ่งเดือนที่ 567 ล้านบาท ซึ่งบ่งชี้ถึงต้นทุนคลื่นความถี่ที่ลดลงในไตรมาส 3/2568 ที่ 773 ล้านบาท หรือคิดเป็น 94% ของการขยายตัวของกำไรปกติในไตรมาส 3/2568 จึงมีมุมมองบวกเล็กน้อยต่อแนวโน้มการเติบโตของ TRUE ประการแรก การเติบโตของกำไรปกติไม่รวมต้นทุนคลื่นความถี่ที่ลดลงคาดอยู่ที่ 2.40% จากไตรมาสก่อน แม้เป็นช่วงโลว์ซีซั่นของการบริโภค ประการที่สอง เห็น upside risk ต่อประมาณการกำไรปกติปี 2568 ที่กรอบประมาณ 2-4%
อย่างไรก็ตาม ยังคงประมาณการกำไรปกติปี 2568-2570 ราคาเป้าหมายสิ้นปี 2568 อิงวิธีคิดลดเงินสด (DCF) ที่ 14.12 บาทต่อหุ้น และคงคำแนะนำ “ซื้อ” สำหรับ TRUE ปัจจัยกระตุ้นการปรับมูลค่าได้แก่
1) ผลกระทบทางการเงินที่เป็นกลางจากการสูญเสียคอนเทนต์ EPL
2) การเพิ่มขึ้นอย่างมากของกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) และกำไรปกติใน 4 ไตรมาสถัดไป
3) การบริหารเงินทุนเชิงรุกกว่าที่คาด
4) การประเมินมูลค่าที่ไม่แพง ราคาหุ้น TRUE ลดลง 4.50% จากผลการดำเนินงานตั้งแต่ต้นปีปฏิทิน หรือปีงบประมาณจนถึงวันปัจจุบัน (YTD) ต่ำกว่า บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC (เพิ่มขึ้น 2.1%) และ SET (ลดลง 8%) ช่องว่างระหว่าง EV/EBITDA ปี 2569 ของ TRUE และ ADVANC ได้ขยายกว้างขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้ สวนทางกับช่องว่างของ EBITDA และกำไรปกติ TRUE กับ ADVANC ที่แคบลง หากอิงตามประมาณการ