BGRIM เด้ง 1% รุกวินด์ฟาร์มเกาหลีใต้ ปิดดีลถือหุ้น “Nakwol” 49% ลุ้นกำไรแตะ 500 ล้าน/ปี

BGRIM เด้ง 1% รุกหนักเกาหลีใต้ ปิดดีลถือหุ้น Nakwol 1 เพิ่มเป็น 49% หนุนพอร์ตพลังงานลมนอกชายฝั่ง 364.8 เมกะวัตต์ เริ่มรับรู้กำไรปลายปี 68 ก่อนพุ่งแตะ 500 ล้านบาทต่อปี ในปี 70 ลุ้นเซ็น PPA กับ Data Center รายใหญ่ในนิคมอมตะ โบรกฯ ปรับประมาณการปี 68-70 พุ่ง 23% โดยยังคงแนะนำ “ซื้อ” เป้า 22 บาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (20 ต.ค.68) ราคาหุ้น บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM ณ เวลา 10:29 น. อยู่ที่ระดับ 15.20 บาท บวก 0.10 บาท หรือ 0.66% ราคาสูงสุดอยู่ที่ 15.30 บาท ราคาต่ำสุดอยู่ที่ 15.10 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 85.75 ล้านบาท

นายพีรเดช พัฒนจันทร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธุรกิจพัฒนาพลังงานหมุนเวียน BGRIM เปิดเผยว่า B.Grimm Power Korea Limited (B.Grimm Power Korea) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ BGRIM ถือหุ้นทั้งหมด ได้ดำเนินการเข้าซื้อหุ้นใน Nakwol Blueheart Co., Ltd. (Nakwol 1) เพิ่มอีกจำนวน 20.80% ของหุ้นที่ออกทั้งหมด (จากเดิมถือหุ้น 28.20% ส่งผลให้ B.Grimm Power Korea ถือหุ้นทางตรงใน Nakwol 1 สัดส่วน 49% ของหุ้นที่ออกทั้งหมด)

ทั้งนี้ Nakwol 1 เป็นนิติบุคคลที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายแห่งสาธารณรัฐเกาหลี โดยเป็นเจ้าของและผู้พัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานลมนอกชายฝั่ง Yeonggwang Nakwol Offshore Wind Power Project ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 364.8 เมกะวัตต์ ซึ่งถือเป็นโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมทะเลขนาดใหญ่โครงการแรกของประเทศเกาหลีใต้ ที่ได้รับใบอนุญาตที่จำเป็นทั้ง หมดในการพัฒนาและดำเนินงาน มีกำหนดเริ่มต้นการเดินเครื่องเชิงพาณิชย์บางส่วน (Partial COD) ช่วงไตรมาส 4/2568

สำหรับ Nakwol 1 ได้ทำสัญญาซื้อขายใบรับรองพลังงานหมุนเวียนระยะยาว (Long-Term REC Sale and Purchase Agreement) กับ Korea Southern Power Co., Ltd. (KOSPO) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ Korea Electric Power Corporation ถือหุ้นทั้งหมด โดยมีอัตราราคา REC คงที่อยู่ที่ 307.144 วอนเกาหลีต่อกิโลวัตต์ชั่วโมง (KRW/kWh) เป็นระยะเวลา 20 ปี นับจากวันที่เริ่มเดินเครื่องเชิงพาณิชย์เต็มกำลังการผลิต

โดยภายใต้โครงสร้างการถือหุ้นเดิมของ Nakwol 1 (ตามที่ได้แจ้งไว้ในหนังสือเลขที่ BGRIM 3/2567 ลงวันที่ 6มีนาคม 2567) B.Grimm Power Korea ถือหุ้นทางตรงใน Nakwol 1 จำนวน 28.2% ของหุ้นที่ออกทั้งหมด และถือหุ้นใน Myungwoon Industry Development Co., Ltd. (Myungwoon) จำนวน 29% ของหุ้นที่ออกทั้งหมด ซึ่ง Myungwoon ถือหุ้นใน Nakwol 1 จำนวน 71.8% ของหุ้นที่ออกทั้งหมด ส่งผลให้ ณ เวลานั้น B.Grimm Power Korea ถือหุ้นใน Nakwol 1 ทั้งทางตรงและทางอ้อมรวมกันเท่ากับ 49% ของหุ้นที่ออกทั้งหมดใน Nakwol 1

ดังนั้นเพื่อปรับโครงสร้างการถือหุ้น และเตรียมความพร้อมสำหรับการเดินเครื่องเชิงพาณิชย์บางส่วนในไตรมาสที่ 4/2568 ทาง B.Grimm Power Korea ได้ดำเนินการเข้าซื้อหุ้น Nakwol 1 เพิ่มอีก 20.8% ของหุ้นที่ออกทั้งหมดจาก Myungwoon โดยมีรายการธุรกรรม ดังนี้ 1. การขายหุ้นใน Myungwoon โดย B.Grimm Power Korea ได้ขายหุ้นทั้งหมดที่ถืออยู่ใน Myungwoon จำนวน 29% ของหุ้นที่ออกทั้งหมด (564,282 หุ้น) คืนให้แก่ Myungwoon ในราคารวม 16,885,010,286 วอนเกาหลี (ประมาณ 387,947,600 บาท) และ 2. การเข้าซื้อหุ้นเพิ่มเติมใน Nakwol 1 โดย B.Grimm Power Korea ได้เข้าซื้อหุ้น Nakwol 1 จาก Myungwoon จำนวน 20.8% ของหุ้นที่ออกทั้งหมด (1,872,000 หุ้น) ในราคารวม 16,885,440,000 วอนเกาหลี (ประมาณ 387,957,500 บาท) อย่างไรก็ตาม ภายหลังการทำรายการดังกล่าว B.Grimm Power Korea ถือหุ้นทางตรงใน Nakwol 1 สัดส่วน 49% ของหุ้นที่ออกทั้งหมด

โดย Nakwol 1 เป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์หลักของบริษัท ในการขยายพลังงานสะอาดที่มีความมั่นคง ทั้งนี้โครงการช่วยเสริมฐานรายได้และผลกำไรระยะกลาง-ยาว อีกทั้งสอดรับกับเป้าหมายบริษัทจะเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าให้ครบ 10,000 เมกะวัตต์ภายในปี 2573

บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การเพิ่มสัดส่วนการลงทุนโครงการ Nakwol 1 เป็น 49% เพื่อเสริมศักยภาพการเติบโตของกำไรระยะยาว โดยคาดว่าจะเริ่มรับรู้ผลประโยชน์จากการลงทุนดังกล่าวตั้งแต่ปลายปี  2568 เป็นต้นไป

นักวิเคราะห์ ระบุว่า ในปี 2569 BGRIM จะรับรู้กำไรจาก Nakwol 1 ประมาณ 200-300 ล้านบาท ก่อนที่จะรับรู้กำไรเต็มปีที่ระดับ 400-500 ล้านบาทต่อปี ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2570 เป็นต้นไป ช่วยหนุนภาพรวมกำไรหลักบริษัทให้เติบโตต่อเนื่อง

นอกจากโครงการ Nakwol 1 แล้ว บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อเซ็นสัญญาซื้อขายไฟฟ้าเพิ่มเติมกับผู้ให้บริการ Data Center รายใหญ่หลายราย ที่เตรียมเข้ามาลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมอมตะ (AMATA) คาดว่าจะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยหนุนการเติบโตของพอร์ตลูกค้าเอกชน และรายได้ระยะยาวของบริษัท

จากปัจจัยบวกจากการขยายการลงทุนดังกล่าว ทำให้ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” BGRIM และให้ราคาเป้าหมายที่ระดับ 22 บาทต่อหุ้น โดยมองว่ากำไรหลักจะกลับมาเติบโตโดดเด่นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2568 เป็นต้นไป และกระแสเงินสดแข็งแกร่งมากขึ้นจากสัญญาซื้อขายไฟระยะยาว

บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ปรับเพิ่มประมาณการผลประกอบการของบริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM สำหรับปี 2568-2570 ขึ้นเฉลี่ย 23% จากประมาณการเดิม โดยได้รับแรงหนุนจากแนวโน้มอัตรากำไรขั้นต้นที่ปรับตัวดีขึ้น และต้นทุนเชื้อเพลิงที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลให้กำไรสุทธิของบริษัทคาดว่าจะเติบโตเฉลี่ย 20% ต่อปี (CAGR) ในช่วง 3 ปีข้างหน้า

สำหรับการปรับประมาณการครั้งนี้อยู่บนสมมติฐานหลัก 2 ประการ ได้แก่ อัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวดีขึ้น อยู่ที่ระดับ 17.0-17.6% ในช่วงปี 2568-2570 และจากต้นทุนเชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติที่ลดลง โดยคาดว่าต้นทุนปี 2568 อยู่ที่ 295 บาท/ล้านบีทียู (MMBTU), ปี 2569 อยู่ที่ 284 บาท/ล้านบีทียู และ ปี 2570 อยู่ที่ 274 บาท/ล้านบีทียู ขณะที่ราคาค่าไฟฟ้ายังคงใช้สมมติฐานเดิมที่ 4.02 บาท/หน่วย, 3.90 บาท/หน่วย และ 3.80 บาท/หน่วย ตามลำดับ

รวมโครงการศูนย์ข้อมูล (Data Center) ขนาด 96 เมกะวัตต์ เข้ามาในประมาณการ โดยคาดว่าปี 2569 จะเริ่มทยอยเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ไตรมาสละ 6 เมกะวัตต์ ส่งผลให้รับรู้ส่วนแบ่งขาดทุนราว 20-30 ล้านบาท ในช่วงเริ่มต้น ก่อนจะเปลี่ยนเป็นส่วนแบ่งกำไร ประมาณ 400 ล้านบาทต่อปี หลังจากโครงการเดินเครื่องครบทั้ง 96 เมกะวัตต์ ในปี 2571

โดยมองว่าการขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่ม Data Center จะช่วยเพิ่มความหลากหลายของแหล่งรายได้ และยกระดับความสามารถในการทำกำไรของ BGRIM ในระยะกลางถึงระยะยาว ขณะที่ต้นทุนก๊าซที่ลดลงจะช่วยหนุนอัตรากำไรขั้นต้นให้ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

ดังนั้นได้ปรับคำแนะนำจากเดิม “ถือ” (Neutral) เป็น “ซื้อ” (Buy) พร้อมปรับราคาเป้าหมายใหม่ปี 2568 ขึ้นเป็น 16.00 บาทต่อหุ้น โดยอ้างอิงวิธีประเมินมูลค่าแบบ SOTP จากแนวโน้มผลประกอบการที่ปรับตัวดีขึ้น และโอกาสในการเติบโตจากโครงการใหม่ ๆ โดยเฉพาะกลุ่ม Data Center และพลังงานหมุนเวียน

Back to top button