ถอดรหัสหุ้น TPIPP

ผ่านช่วงเวลาการจองซื้อหุ้น บริษัท ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ TPIPP ไปแล้ว


ลูบคมตลาดทุน : ธนะชัย  ณ นคร

 

ผ่านช่วงเวลาการจองซื้อหุ้น บริษัท ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ TPIPP ไปแล้ว

ข่าวว่ามียอดจองล้นกว่า 7 เท่า

เหนือความคาดหมายพอสมควร

เพราะก่อนหน้านี้มีข่าวว่า นักลงทุนรายใหญ่ และรายย่อยที่ได้รับการจัดสรรหุ้น TPIPP

ต่างบอกปัดกันเป็นแถว

บางคนให้เหตุผลไม่เชื่อมั่นตัวของคุณประชัย เลี่ยวไพรัตน์

บางคนก็บอกว่าราคาแพง และปัญหาบางอย่างยังแก้ไม่สะเด็ดน้ำ ฯลฯ

แต่พอวันสุดท้ายของการจอง มีข่าวเข้ามาว่า มีกองทุนทั้งในและต่างประเทศ ต่างเข้ามารับซื้อหุ้น TPIPP จำนวนมาก

เช่น กองทุนซีไอเอ็มบี ที่รับเข้าไปค่อนข้างเยอะ

ส่วนจากต่างประเทศ ก็มีข่าวว่า มีกว่า 6-7 กองทุน

และในจำนวนนั้นมี “กองทุนเทมเพิลตัน” ที่บริหารโดย “มาร์ค โมเบียส” รวมอยู่ด้วย

และนั่นทำให้นักลงทุนหลายๆ คนที่บอกปัดหุ้น TPIPP ไปก่อนหน้านี้ พยายาม จะขอสิทธิการได้หุ้นของตนเองกลับมา

ทว่า กลับไม่ทันเสียแล้ว

หุ้น TPIPP หากดูจากมาร์เก็ตแคปเกือบ 6 หมื่นล้านบาท นับว่ามากกว่าหุ้นแม่คือ TPIPL ที่มีมาร์เก็ตแคปกว่า 5.16 หมื่นล้านบาท

เรื่องนี้มีนัยพอสมควร

เพราะในตลาดหุ้นมีหุ้นหลายๆ ตัวที่ “หุ้นลูก” จะวิ่งดีกว่า “หุ้นแม่”

นั่นเพราะอาจมีความสามารถในการทำกำไรมากกว่า และว่าสินทรัพย์ของลูกจะมีน้อยกว่า

มาดูธุรกิจและตัวเลขสำคัญทางการเงินของ TPIPP กันหน่อย

ปัจจุบัน TPIPP มีจำนวนโรงไฟฟ้าพลังงานเชื้อเพลิงจากขยะและโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนทิ้ง ที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้ว 4 โรง กำลังการผลิตรวม 150 เมกะวัตต์

และอยู่ระหว่างก่อสร้างโรงไฟฟ้าอีก 3 โรง กำลังการผลิตรวม 290 เมกะวัตต์

ทั้งหมดนี้ ผู้บริหารคาดว่า จะทยอยแล้วเสร็จและเริ่มจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ได้ภายในปี 2560

หุ้นไอพีโอ ที่นำออกขายนั้น มีจำนวน 2,500 ล้านหุ้น

ราคาไอพีโอหุ้นละ 7.00 บาท

เห็นทีมงานด้านไอบี ของ บล.ทิสโก้ หนึ่งในที่ปรึกษาการเงินหุ้น TPIPP บอกว่า ราคานี้มีส่วนลดประมาณ 20%

ในด้านมูลค่าตามราคาบัญชีอยู่ที่ 1.41 บาท พาร์ 1.00 บาท

ระดมทุนได้ประมาณ 1.75 หมื่นล้านบาท

สัดส่วนที่นักลงทุนแต่ละกลุ่มได้หุ้นไปนั้น เป็นของผู้ถือหุ้นเดิมของ TPIPL จำนวน 5% ผู้มีอุปการคุณ 15% นักลงทุนสถาบัน 45% และประชาชนทั่วไป 35%

เชื่อว่าหุ้นในส่วนของกลุ่มเลี่ยวไพรัตน์ไม่น่าจะมีการนำออกมาขายในการเทรดวันแรก

ส่วนพวกกองทุนต่างๆ ที่ซื้อเข้าพอร์ต ก็อาจจะถือยาว

จำนวนหุ้นที่เหลือที่จะเข้ามาเทรดในวันแรก ก็น่าจะมาจากรายย่อยเป็นหลัก

ในด้านผลประกอบการหรือกำไรสุทธิ

จากปี 2557–2559 มีกำไรสุทธิ 379 ล้านบาท, 493 ล้านบาท และ 1,824 ล้านบาท

ส่วนแนวโน้มปี 2560 เห็นนักวิเคราะห์ ต่างมองว่า กำไรจะอยู่ระหว่าง 2,500-4,000 ล้านบาท

หันมาดูตัวเลขหนี้สินต่อทุน หรือ D/E กันบ้าง

ตัวเลขล่าสุดปี 2559 อยู่ที่ 1.18 เท่า นี่ก็ถือว่าค่อนข้างต่ำนะ

อีกตัวเลขที่นักลงทุนมีการถามถึงคือ พี/อี โดยค่า พี/อี ก่อนหน้านี้อยู่ที่ 31 เท่า และ พี/อี ของปี 2018 จะอยู่ประมาณ 9.8 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มซึ่งอยู่ที่ 15.2 เท่า

แต่ประเด็นที่นักลงทุนสนใจมากสุดคือ อาจมองว่า หุ้น TPIPP นั้น ค่อนข้าง “หนัก”

หรือสรุปกันง่ายๆ เมื่อหุ้นหนักมาก ก็อาจ “ลาก” ยากซักหน่อย

แต่บางทีหากหุ้นพื้นฐานดีๆ

ก็ไม่ต้องพึ่งจ้า (มากนัก) ก็ได้

Back to top button