แกะรอยหุ้นน่าลงทุน

วันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (25 ม.ค.) ระหว่างวันดัชนีดีดตัวขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 1,848.07 จุด ก่อนจะอ่อนตัวลงและมีแรงขายหนักออกมาในช่วงท้ายภาคบ่าย สำหรับการปิดเทรดดัชนีฯร่วงแรงต้องเผชิญแรงขายทำกำไรที่ออกมามากขึ้น หลัง "วิษณุ เครืองาม" ได้วิเคราะห์ปัจจัยแวดล้อมแล้ว เห็นว่าการเลือกตั้งช้าสุดอาจจะเกิดขึ้นในเดือน ก.พ. 2562 ซึ่งประเด็นนี้มองว่าเป็นการหาเหตุผลในการขายหุ้นของนักลงทุน เพราะตลาดฯก็ได้เวลาของการปรับฐานอยู่แล้วหลังขึ้นไปมาก


เส้นทางนักลงทุน

วันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (25 ม.ค.) ระหว่างวันดัชนีดีดตัวขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 1,848.07 จุด ก่อนจะอ่อนตัวลงและมีแรงขายหนักออกมาในช่วงท้ายภาคบ่าย

สำหรับการปิดเทรดดัชนีฯร่วงแรงต้องเผชิญแรงขายทำกำไรที่ออกมามากขึ้น หลัง “วิษณุ เครืองาม” ได้วิเคราะห์ปัจจัยแวดล้อมแล้ว เห็นว่าการเลือกตั้งช้าสุดอาจจะเกิดขึ้นในเดือน ก.พ. 2562 ซึ่งประเด็นนี้มองว่าเป็นการหาเหตุผลในการขายหุ้นของนักลงทุน เพราะตลาดฯก็ได้เวลาของการปรับฐานอยู่แล้วหลังขึ้นไปมาก

รวมถึงการแข็งค่าของเงินบาทหลังการอ่อนค่าของดอลลาร์สหรัฐ แต่ไม่พบการไหลเข้าของเงินทุนต่างชาติในตลาดหุ้นอย่างมีนัย

ทางกลับกันผลกระทบด้านภาคส่งออกซึ่งเป็นหนึ่งในเครื่องจักรสำคัญในการผลักดันการเติบโตทางเศรษฐกิจ อาจเริ่มได้รับผลกระทบมากขึ้น ทำให้การปรับขึ้นของดัชนีตลาดฯถูกจำกัดด้วยภาพระยะยาวที่ยังไม่มีปัจจัยบวกใหม่หนุน

ดังนั้น กลยุทธ์การลงทุนควรเลือกหุ้นรายตัว และเก็งกำไรแบบ “ขึ้นขาย ลงซื้อ” ทั้งนี้มีการแกะรอยหุ้นดีเฉพาะด้านมานำเสนอ ซึ่งมีการหยิบยกมาจาก บล.ทิสโก้

โดยคาดหุ้นงบดี ราคายังมี Upside ไม่น้อยกว่า 5% ได้แก่ AMATAV, ASAP, BEAUTY, BPP, BR, CK, COM7, DRT, JWD, MCS, MTLS, ORI, PLANB, PLAT, ROJNA, RS และ UNIQ

นอกจากนี้ยังมีหุ้นที่คาดว่าจะเป็นหุ้นที่จ่ายปันผลดี (Div. Yield มากกว่า 5%) ได้แก่ ASIMAR, ESTAR, MSC, PDI, PL และ PRIN

รวมถึงคาดหุ้นปันผลดี (Remaining Div. Yield มากกว่า 2%) ได้แก่ ANAN, ASK, BBL, BPP, BR, GLOW, IRPC, NYT, SPRC และ TMT

นอกเหนือหุ้นที่คาดว่างบดีและปันผลสูงแล้วยังมีหุ้นที่ได้รับประโยชน์ทางด้านอื่นๆ มาให้นักลงทุนนำไปพิจารณาอย่างหุ้นที่ได้ประโยชน์จากวอลุ่มตลาดหนาแน่น ได้แก่ ASP, KGI (ทั้งคู่มีปันผลดี)

ต่อมาหุ้นเกี่ยวข้องการบริโภค การลดหย่อนภาษีท่องเที่ยวเมืองรอง มาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยเฟส 2 และการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ได้แก่ AOT, BEAUTY, BJC, CENTEL, COM7, CPALL, ERW, MINT และ ROBINS

อีกทั้งหุ้นได้ประโยชน์การลงทุนภาครัฐ-เร่งผลักดัน EEC และลงทุนเอกชนฟื้นตัวตาม กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม ได้แก่ AMATA, ROJNA, WHA กลุ่มรับเหมา ได้แก่ CK, STEC, UNIQ, SEAFCO และกลุ่มแบงก์ ได้แก่ BAY, BBL, KBANK, TMB

หุ้นที่นำเสนอเป็นเพียงตัวเลือกไว้ลงทุน ในช่วงที่ตลาดหุ้นอาจยังเหวี่ยงไปเหวี่ยงมา เพื่อรอการประกาศผลประกอบการงบปี 2560 และการจ่ายเงินปันผล

การแกะรอยหุ้นจะทำให้ง่ายต่อการลงทุนมากขึ้น!!

Back to top button