พาราสาวะถี

ควันหลงหลังจากป.ป.ช. เปิดเผยบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของ 414 ส.ส.กันไปเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา มีเรื่องให้ฮือฮาและน่าสมเพชรวมอยู่ด้วย ฮือฮาคือกรณีของ พิษณุ พลธี หรือเอ้ ส.ส.เขต 6 ปทุมธานี ค่ายภูมิใจไทย ที่แจ้งบัญชีทรัพย์สินว่ามีเงินฝากอยู่ในธนาคาร 5,064 บาท บ้านอาศัยแม่อยู่ ส่วนรถตู้ที่ใช้ก็ขอยืมเพื่อนมา ก่อนที่จะถูกขุดคุ้ยตามตัวว่าเขาเป็นใครมาจากไหน ทำไมจึงเป็นส.ส.ที่จนที่สุดซึ่งต่างจากหัวหน้าพรรคที่สังกัดซึ่งมีทรัพย์สินมากถึงกว่า 4 พันล้านบาท


อรชุน

ควันหลงหลังจากป.ป.ช. เปิดเผยบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของ 414 ส.ส.กันไปเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา มีเรื่องให้ฮือฮาและน่าสมเพชรวมอยู่ด้วย ฮือฮาคือกรณีของ พิษณุ พลธี หรือเอ้ ส.ส.เขต 6 ปทุมธานี ค่ายภูมิใจไทย ที่แจ้งบัญชีทรัพย์สินว่ามีเงินฝากอยู่ในธนาคาร 5,064 บาท บ้านอาศัยแม่อยู่ ส่วนรถตู้ที่ใช้ก็ขอยืมเพื่อนมา ก่อนที่จะถูกขุดคุ้ยตามตัวว่าเขาเป็นใครมาจากไหน ทำไมจึงเป็นส.ส.ที่จนที่สุดซึ่งต่างจากหัวหน้าพรรคที่สังกัดซึ่งมีทรัพย์สินมากถึงกว่า 4 พันล้านบาท

ความจริงรวยจนไม่ใช่ปัญหา การอาสาเข้ามาเป็นผู้แทนของประชาชน ทำงานในสิ่งที่ตัวเองรักและมีคนเลือกก็ถือว่าสมเจตนารมณ์แล้ว ส่วนทรัพย์สินเป็นเรื่องภายนอกของปรุงแต่ง แค่มีแรงที่จะทำงานพบปะชาวบ้านและมีเงินเดือนที่พอจะช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ตามอัตภาพก็น่าจะเพียงพอและน่าจะเป็นแบบอย่างเสียด้วยซ้ำ อย่างไรก็ตาม ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำนปช.ก็อดแซวขำ  ๆ ไม่ได้ หมอนี่คิดการใหญ่ ริอ่านจะเป็นรองนายกฯ ถ้ามีแหวนแม่ นาฬิกาเพื่อนคงได้เป็นไปแล้ว (ฮา)

ส่วนที่น่าสมเพชเวทนาน่าจะเป็นความคิดของพวกที่มองด้านเดียวและเรียกร้องให้ รังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคอนาคตใหม่ ทำไมไม่คืนเงินกู้ยืมจากกยศ.ที่ค้างอยู่กว่า 2 แสนบาท ทั้งที่รับเงินเดือนส.ส.เดือนละเป็นแสน โดยคนเหล่านั้นคงไม่คิดว่าคนหนึ่งคนต้องมีภาระค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง และถ้าจะคืนให้หมดขนาดนั้น จะไปกู้ยืมหาพระแสงอะไรไม่ทราบ ขณะเดียวกัน ระเบียบว่าด้วยการผ่อนจ่ายของกยศ.เขาก็มีอยู่แล้ว โดยส.ส.คนดังว่าก็จ่ายมาไม่มีเบี้ยว

นี่แหละ ผลพวงแห่งอคติและความเกลียดชัง จนเจ้าตัวต้องออกมาชี้แจงละเอียดยิบกับความคิดเห็นที่มักง่ายของบางคนบางพวก เห็นภาพอย่างนี้น่าจะเป็นคำถามตัวโตไปยังท่านผู้นำที่แม้จะผ่านช่วงเวลาของอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดมาแล้ว แต่ข้ออ้างของการยึดอำนาจยังเป็นพันธะสัญญาอยู่ถึงทุกวันนี้คือ การแก้ไขปัญหาความขัดแย้งแตกแยกของสังคม ลองย้อนกลับไปดูทุกความเห็นที่มีต่อฝ่ายตรงข้ามอำนาจเผด็จการ ใคร หน้าไหนกันที่ไม่เคยก้าวข้ามความเกลียดชัง

น่าเสียดายที่คำพูดของท่านผู้นำไร้ความหมายกับการที่ป่าวประกาศว่า ไม่เคยคิดเป็นศัตรูกับใคร เพราะในทางปฏิบัติคนที่ถือหางฝ่ายเผด็จการสืบทอดอำนาจนั่นแหละตัวดี ที่ยังคงสร้างกระแสความขัดแย้งแตกแยก ลองมองไปยังสื่อที่ยืนข้างอำนาจสืบทอด วิธีการนำเสนอ แนวทางที่เป็นไป เป็นกลาง สร้างสรรค์หรือไม่ น่าแปลกใจที่ผู้มีอำนาจกำกับดูแลอย่างกสทช.ไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไร อย่าได้บอกว่าหมดยุคเผด็จการแล้วไม่ต้องเข้มงวด เพราะแม้ในยุคดังว่าองค์กรแห่งนี้ก็หลับตาข้างกับพวกถือหางฝ่ายกุมอำนาจอยู่ดี

คงต้องรอดูอีกล็อตของส.ส.กลุ่มที่ขอขยายเวลาการยื่นบัญชีทรัพย์สินออกไป มี 3 ตัวชูโรงจากค่ายเดียวกันกับรังสิมันต์ ไม่ว่าจะเป็น ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ปิยบุตร แสงกนกกุล และ พรรณิการ์ วานิช หากกลุ่มนี้มีการเปิดเผยบัญชีทรัพย์สินออกมาแล้ว ต้องรอดูปฏิกิริยาพวกขี้อิจฉา พวกหมั่นไส้ทั้งหลายว่าจะวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างไร ทั้ง ๆ ที่ความจริงแล้วปมเรื่องแหวนแม่นาฬิกาเพื่อนก่อนหน้านั้น น่าจะเป็นสิ่งที่คนเหล่านี้ควรจะออกมาถามหาความถูกต้องจากองค์กรที่ตรวจสอบมากกว่า

ดูท่าว่าคำสั่งที่บอกว่าไม่ได้สั่งของ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ท่าจะกลายเป็นหมัน ต่อการบอกให้ 5 รัฐมนตรีของพรรคสืบทอดอำนาจที่มีอีกหัวโขนคือส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ของพรรคลาออก เพื่อที่จะได้ทำงานด้านหนึ่งด้านใดให้เต็มที่ และจะเป็นการแก้ปัญหาเสียงปริ่มน้ำของรัฐบาลได้อีกทางหนึ่ง เมื่อ สมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรียุติธรรมและแกนนำกลุ่มสามมิตร ออกมายืนยัน การเป็นส.ส.ควบรัฐมนตรีมีประโยชน์และทำงานได้มากกว่า

โดยเจ้าตัวยืนยันรัฐมนตรีที่เหลือก็คิดคล้าย ๆ กันแต่ตอบแทนไม่ได้ ตรงนี้น่าคิดรายของ สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ และ สันติ พร้อมพัฒน์ จากมุ้งเดียวกันคงไม่มีปัญหา แต่ต้องไปถาม ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ และ พุฒิพงษ์ ปุณณกันต์ สองรัฐมนตรีจากซีกกปปส.เห็นตรงกันกับรัฐมนตรีสามมิตรหรือไม่ หากมองคนละมุมโดยที่สองคนยอมไขก๊อก แล้วสามรัฐมนตรีที่เหลือจะทำอย่างไร ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นก็จะเป็นการตอกย้ำความขัดแย้งของสองขั้วในพรรคสืบทอดอำนาจได้เป็นอย่างดี

บอกไปแล้ว เมื่อพี่ใหญ่บูรพาพยัคฆ์อ้างว่าไม่ได้สั่งแต่ขอให้ไปคิดเอาเอง มันก็เข้าทางนักการเมือง เพราะความหมายของคนที่ไม่ได้สั่งแต่ชอบทุบโต๊ะก็คือบอกให้ออก แต่พอเปิดช่องว่าไม่ได้สั่ง นักการเมืองอาชีพก็ตีความเอาเองว่าอยู่ต่อได้ไม่มีปัญหา เหมือนที่สมศักดิ์ว่า “ท่านไม่ได้บอกให้ลาออก แค่บอกให้ดู ๆ เอาอะไรที่มันจะเป็นประโยชน์กับส่วนรวมได้มากกว่าก็เอาตามนั้น” การนั่งถ่างขาสองเก้าอี้นี่แหละประโยชน์มหาศาลสำหรับนักการเมืองอาชีพ ส่วนจะเป็นประโยชน์ของใครนั้นไปตีความกันเอาเอง

จะว่าไปประธานยุทธศาสตร์พรรคสืบทอดอำนาจ น่าจะได้เห็นอานิสงส์ของการที่มีรัฐมนตรีซึ่งเป็นส.ส.ด้วยไปนั่งบัญชาการเกมในสภา เพราะเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยเกษตรฯส.ส.พะเยา ของพรรคไปนั่งคุมเกมเอง ปรากฏว่าเสียงของฝ่ายรัฐบาลไม่มีแตกแถว การพิจารณาร่างข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎรผ่านไปด้วยความเรียบร้อย ไม่รู้ว่าเพราะฝีมือของมือประสานสิบทิศหรือสิ่งที่หารือกันในส่วนที่เหลือ ไม่มีอะไรที่จะต้องลงมติให้เป็นปัญหาเหมือนที่ผ่านมาอีกแล้ว

แต่อย่างน้อย ก็ทำให้เห็นว่าถ้าเสนาบดีไม่เบี้ยวงานสภา เรื่องเสียงปริ่มน้ำก็ไร้ปัญหา และไม่จำเป็นที่ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ที่มีเก้าอี้รัฐมนตรีพ่วงด้วยจะต้องลาออก มิหนำซ้ำ ยังเป็นการดีอีกต่างหากอย่างที่สมศักดิ์ว่า พรรคแกนนำและพรรคร่วมรัฐบาลมีส.ส.ใหม่จำนวนมาก หากรัฐมนตรีกับส.ส.ไม่รู้จักกัน การทำงานกันสองสามอย่างในเวลาเดียวกันจะทำไม่ได้ หาทางลงสวย ๆ แบบนี้คงไม่มีใครไปแซะให้อนาคตต้องเป็นพวกขาลอยกันอีกแล้วกระมัง

ฟากแกนนำพรรคฝ่ายค้านอย่างเพื่อไทย ก็ยังมีปมเรื่องสอบสองส.ส.สุรินทร์ที่ไปยกยอปอปั้นผู้นำสืบทอดอำนาจจนเสียจริตพรรคฝั่งประชาธิปไตย ก็รอให้ทางกรรมการบริหารพรรคได้ประชุมก่อนที่จะพิจารณาว่าจะมีมาตรการใดออกมาเพื่อไม่ให้คนอื่นเอาอย่าง แต่งานนี้คงไม่ไปไกลถึงขั้นทำให้เกิดงูเห่าอย่างที่ฝ่ายเสี้ยมต้องการ เหตุผลง่าย ๆ ในพื้นที่ภาคเหนือและอีสานการพกยี่ห้อพรรคนายใหญ่ลงสนามเลือกตั้งยังขายและวางใจได้อยู่เสมอ

Back to top button