อำนาจจับกุมไวรัส

สังคมไทยรับมือไวรัสด้วยความสับสน ตระหนกมากกว่าตระหนัก หวังพึ่งอำนาจเบ็ดเสร็จ ทั้งที่เต็มไปด้วยความไม่เชื่อมั่นต่อรัฐ แล้วก็แบ่งแยกเดียดฉันท์กันอีกต่างหาก


ทายท้าวิชามาร : ใบตองแห้ง

สังคมไทยรับมือไวรัสด้วยความสับสน ตระหนกมากกว่าตระหนัก หวังพึ่งอำนาจเบ็ดเสร็จ ทั้งที่เต็มไปด้วยความไม่เชื่อมั่นต่อรัฐ แล้วก็แบ่งแยกเดียดฉันท์กันอีกต่างหาก

ข่าวลือทำให้นักโทษบุรีรัมย์แหกคุก (เฟคนิวส์ในคุกปอท.จะจับใคร) ชาวบ้านรวมตัวไล่ผู้ติดเชื้อจากสถานพยาบาลใกล้ชุมชน หลายคนไม่เชื่อข้อมูลสาธารณสุข กลัวปิดตัวเลข หรือไม่ปิดหรอก แต่ตรวจน้อยไปน่าจะมีซอมบี้ไม่รู้ตัวเป็นแสนเป็นล้าน ฯลฯ

การใช้อำนาจเพียงลำพังปราบไวรัสไม่ได้ ไม่ว่าทำท่าขึงขังแค่ไหน แน่ล่ะ เราต้องใช้อำนาจรัฐออกมาตรการสกัดกั้น สร้าง Social Distance เช่นสั่งปิดพื้นที่เสี่ยง สั่งเหลื่อมลดเวลาทำงาน เพื่อให้คนอยู่บ้าน เดินทางน้อยลง

แต่ก็ต้องมีมาตรการอื่นพร้อมกัน ไม่ใช่สั่งปิดกิจการโดยไม่มีมาตรการเยียวยา คนก็แห่กลับต่างจังหวัด (แล้วก็ถูกด่า ถูกเดียดฉันท์) สำคัญคือมาตรการสาธารณสุข ที่ต้องนำกลุ่มเสี่ยง+ผู้ใกล้ชิดมาอยู่ในระบบดูแล ตรวจเชื้อ สกัดกั้น หยุดการแพร่ระบาดให้ได้ใน 1 เดือน ไม่เช่นนั้นการใช้อำนาจปิดเมือง ปิดพื้นที่ หรือตั้งด่านวัดไข้ (กลางอากาศร้อนตับแตก) ก็ไม่มีความหมาย

ในด้านข่าวสารก็ต้องให้ทั้งข้อมูล ความรู้ ซึ่งต้องยอมรับว่าโควิดเป็นเรื่องใหม่ วงการแพทย์ยังให้ข้อมูลต่างกัน บางท่านเขียนกราฟแนวตั้ง 33% ฟันธงว่าถึงกลางเดือนเมษายน คนติดเชื้อจะพุ่ง 3.5 แสน ประชาชนซึ่งอ่านข่าว เห็นคนตายทั่วโลกก็กลัวหัวหด เห็นตัวเลขเราน้อยกว่าต่างประเทศก็ชักไม่เชื่อสาธารณสุขไทย

ในความสับสนหวาดกลัวอย่างนี้จะไปไล่จับชาวบ้าน เฟคนิวส์ อย่างเดียวไม่ได้ ต้องให้ข้อมูล ให้คำอธิบาย อยู่เสมอ แม้พยายามจะให้คนตระหนัก ระมัดระวัง ก็อย่าทำให้กลัวเกินจริง

ปัญหาโควิดวันนี้อยู่ใน Dilemma คืออยู่ในระดับ 2.9999 ตามวิษณุว่า ต้องสั่งปิดพื้นที่เสี่ยง งดกิจกรรม แต่ยังไม่ถึงขั้นใช้อำนาจฉุกเฉินห้ามออกจากบ้าน อย่างจีน อิตาลี สเปน ฝรั่งเศส ฯลฯ เพราะจะทำให้เศรษฐกิจยิ่งวอดวายคนเล็กคนน้อยที่ทำมาค้าขาย แรงงาน คนรับจ้างอิสระ ยิ่งยากลำบาก

อำนาจฉุกเฉินก็เลยเคว้งคว้าง ไม่มีที่ใช้ เว้นแต่ตั้ง ผบ.ทสส. มาคุมและเอาทหารมาช่วยตั้งด่าน มาตรการที่ใช้อยู่เป็นอำนาจตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ แต่ออกคำสั่งให้คลุม ๆ “ขอความร่วมมือ” พึงปฏิบัติ” อย่าออกจากบ้าน ทั้งที่คนยังต้องไปทำมาหากิน แล้วพวกสนับสนุนรัฐบาลก็หาว่าคนออกจากบ้านจิตสำนึกบกพร่อง

การทำสงครามกับไวรัส ไม่สามารถใช้อำนาจจับกุม เช่นตั้งด่านวัดไข้คนเป็นล้าน อาจจับไวรัสไม่ได้สักตัว ต้องใช้มาตรการสาธารณสุขที่มีประสิทธิภาพ ประชาชนเชื่อมั่น สร้างความร่วมมือ สร้างความเข้าใจ มีการบริหารจัดการที่ไม่ทำให้เกิดโกลาหล

อำนาจฉุกเฉินในด้านของการบังคับ จึงเปล่าประโยชน์ เว้นแต่จำเป็นถึงขั้นห้ามคนออกจากบ้าน จึงต้องเอาทหารมาปิดทุกซอย เพื่อส่งถุงยังชีพ กับเว้นแต่คิดว่าการทำงานของรัฐบาลปกติไร้ประสิทธิภาพ ห่วย จนต้องรวบอำนาจไว้เสียเอง

เพียงแต่รัฐ เจ้าหน้าที่รัฐ ถนัดการใช้อำนาจจับกุมมาสร้างผลงาน ทั้งที่ผิดทิศผิดทาง เช่นอำนาจ “จับไข่” พอมีคนร้องเรียนไข่แพง พาณิชย์ก็ลงตลาด จับพ่อค้าแม่ค้าทันใด พอแม่ค้าโวยว่ารับจากฟาร์มราคาแพง ก็ตามไป “จับไข่ พปชร.” ฟาร์มที่ ส.ส.ติดต่อมาขาย โดยไม่ดูปัจจัยต้นทุน ขณะที่ไข่ร้านสะดวกซื้อ 7-8 บาท ไม่อยู่ในราคาควบคุม

หรือมาตรการแจกเงิน 5 พัน ข้อกำหนดคลุมเครือ ไม่รู้ใครได้บ้าง ลงทะเบียน 16 ล้านคน ก็มีคำขู่ว่าถ้าคิด “โกง” จะเอาผิดทั้งแพ่งอาญา

ใช้อำนาจแต่น้อย สร้างความเชื่อมั่นให้มาก เว้นแต่ไม่สามารถสร้างได้

Back to top button