5 หุ้นกดดัชนี

* ก่อนอื่นขอบอกตามตรงว่า “โมนิก้า” ไม่ได้รู้สึกเป็นกังวลที่เห็นดัชนีย่อตัวลงมาปิดที่ 1,571.04 จุด เหลือบวกแค่ 0.21 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 9.39 หมื่นล้านบาท ทั้งที่ช่วงเช้าทะยานขึ้นไปถึง 1,580.17 จุด เพราะมันเป็นเกมที่คาดเดาได้ล่วงหน้าว่า ดัชนีจะแกว่งตัวถี่ขึ้นในระหว่างเปลี่ยนฐานใหม่ที่สูงขึ้นกว่าเดิม และการวิ่งผ่านแนวต้านสำคัญบริเวณ 1,600 จุดต้องใช้กำลังมหาศาลไงละจ๊ะ


เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน

* ก่อนอื่นขอบอกตามตรงว่า “โมนิก้า” ไม่ได้รู้สึกเป็นกังวลที่เห็นดัชนีย่อตัวลงมาปิดที่ 1,571.04 จุด เหลือบวกแค่ 0.21 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 9.39 หมื่นล้านบาท ทั้งที่ช่วงเช้าทะยานขึ้นไปถึง 1,580.17 จุด เพราะมันเป็นเกมที่คาดเดาได้ล่วงหน้าว่า ดัชนีจะแกว่งตัวถี่ขึ้นในระหว่างเปลี่ยนฐานใหม่ที่สูงขึ้นกว่าเดิม และการวิ่งผ่านแนวต้านสำคัญบริเวณ 1,600 จุดต้องใช้กำลังมหาศาลไงละจ๊ะ

* ด้วยเหตุนี้ถึงต้องเข้าใจรูปแบบการเคลื่อนตัว เพื่อทำให้แฟนคลับได้เล่นรอบอย่างสนุกสนาน ประจวบกับเมื่อมองพอร์ตหุ้นให้ลึกลงไปจะเห็นว่า วานนี้ฝรั่งสาดหุ้นออกมาแค่ 700 ล้านบาท ขณะที่แมงเม่าขายออกมาเพียง 60 ล้านบาท ส่วนกองทุนดอดเข้ามารับหุ้นราว ๆ 100 ล้านบาท ส่วนที่เหลือเป็นของปอบผีฟ้าแบบเนื้อ ๆ เน้น ๆ เหมือนเป็นการย้ำหัวหมุดว่า ทุกคนยังอยากมีของติดไม้ติดมือไว้บ้างเจ้าค่ะ

* ฉะนั้นอย่าได้แปลกใจหากดัชนีจะแกว่งตัวลงอีกในวันนี้ เพราะเมื่อดูเรื่องราวที่เกิดขึ้นแบบละเอียดยิบจะเห็นว่า ช่วงนี้เป็นจังหวะของการสลับตัวเล่นทุกกลุ่ม แต่กลุ่มหุ้นขนาดใหญ่อาจมีอิมแพ็คต่อตลาดหุ้นมากกว่า “โมนิก้า” จึงขอไขปริศนาเรื่องนี้อีกสักนิดหนึ่ง เพื่อทำให้แฟนคลับได้เห็นภาพที่ชัดเจนในคราวเดียวกันไปเลย เพราะเที่ยวนี้มีหุ้นประมาณ 5 ตัวที่มีผลต่อการขึ้นลงดัชนีนะจะบอกให้

* ตัวแสบสุด ๆ ที่ทำให้ตลาดหุ้นไทยปั่นป่วนไม่เลิก โมนิก้า” คงโฟกัสไปยังหุ้นที่ทุกคนร้องยี้อย่างเช่น DELTA เป็นการเปิดหัว เพราะการร่วงลงมาปิดที่ 289 บาท ลบไป 21 บาท หรือลงไป 6.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.44 พันล้านบาท มีผลทำให้ดัชนีปิดลบไป 2.10 จุดในทันที บวกกับทุกคนลงความเห็นไปในทางเดียวกันว่า ราคาที่เห็นยังโอเว่อร์แวลูค่อนข้างเยอะ จึงทำนายได้ทันทีว่า หุ้นตัวนี้จะสร้างความวุ่นวายต่อตลาดหุ้นไทยอีกพักใหญ่ ๆ นะคะ

* ส่วนรายถัดมาอย่างหุ้น OR ไหลลงมาปิดที่ 32 บาท ลบไป 1 บาท หรือลงไป 3% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.97 พันล้านบาท ก็เป็นการ take profit ธรรมดา ๆ หลังหุ้นขึ้นมาถึงด่านแรก ซึ่งเป็นโอกาสทองของคนที่ต้องการเก็บหุ้นในช่วงที่ย่อตัวลงมาด้วยเหตุผลทางเทคนิค เพียงแต่การร่วงลงเที่ยวนี้มันมีผลทำให้ดัชนีปิดลบ 1 จุด เลยขึ้นแท่นอันดับสองหุ้นที่มีผลต่อดัชนีมากสุดเจ้าค่ะ

* อันดับสามที่ตามมาแบบห่าง ๆ แต่ดันมีผลต่อดัชนี 0.27 จุดอย่างหุ้น SCGP ก็ไม่มีอะไรต้องวอรี่ในแง่ของปัจจัยพื้นฐาน เพราะทุกอย่างในปีนี้น่าจะเป็นไปตามเป้าที่วางไว้ตั้งแต่ปีก่อน “โมนิก้า” ถึงมองการอ่อนตัวลงมาปิดที่ 47.25 บาท ลบไป 0.75 บาท หรือลงไป 1.55% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 791 ล้านบาท คือการย่อลงมาให้เก็บสำหรับแฟนพันธุ์แท้ที่เน้นลงทุนระยะกลางถึงยาวนะตัวเอง

* ที่น่าแปลกใจสุด ๆ สำหรับตัวอิฉัน “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้น SAWAD ภายใต้การบริหารจัดการของ “น้องนาย” เพราะทันทีที่มีการแถลงข่าวความร่วมมือ และชักภาพร่วมเฟรมกับ “ออมสิน”  ก็มีแรงเทขายออกมาต่อเนื่องทันที เดี๊ยนถึงมองการยืนปิดที่ระดับ 85 บาท ลบไป 1.75 จุด หรือลงไป 2% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.47 พันล้านบาท น่าจะเป็นลักษณะ sell on fact มากกว่า และร่วงลงของราคาหุ้นก็มีผลต่อดัชนี 0.21 จุดนะคะ

* ส่วนรายที่ห้าอย่างปูนใหญ่ SCC ร่วงลงมาปิดที่ 394 บาท ลบไป 2 บาท หรือลงไป 0.50% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.46 พันล้านบาท มันเป็นช็อตที่พอรู้เลา ๆ มาตั้งแต่วันก่อน เพราะวงรอบของหุ้นในช่วงหลายเดือนก็บอกไว้ชัดเจนว่า ผ่าน 400 ยาก! “โมนิก้า” ถึงรู้สึกเฉย ๆ ต่อการย่อตัวเล็กน้อยที่เกิดขึ้นในคราวนี้ แต่แปลกใจเล็กน้อยตรงที่หุ้นปูนใหญ่มีผลกับดัชนี 0.20 จุดเชียวนา! และทำให้การเคลื่อนตัวของราคาหุ้นในวันนี้ มีผลต่อดัชนีเต็ม ๆ พะยะค่ะ

* ตบท้ายกันที่หุ้นบันเทิงเริงรำอย่าง WORK กันสักหน่อยดีกว่า เพราะมองในมุมของตัวเลขกำไร ไม่น่าจะปังปุริเย่แต่อย่างใด แถมการขึ้นมายืนปิดที่ระดับ 20 บาท บวกไป 2.20 บาท หรือขึ้นไป 12.35% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1 พันล้านบาท ก็เป็นการเทรดบนค่า PE 50 เท่า ซึ่งเป็นระดับที่เว่อร์เกินไปสุด ๆ จึงอยากรู้เหมือนกันว่า เที่ยวนี้หุ้นจะไปได้ไกลแค่ไหน?..อิอิอิ

Back to top button