ถอดใจ?โมนิก้าและทีมงาน

*เมื่อ “โมนิก้า” มองกลับไปที่พอร์ตซื้อขายหุ้นของนักลงทุนแต่ละประเภทเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา กลับกลายเป็นว่า โบรกเกอร์เป็นคนขายหุ้น 500 ล้านบาท ส่วนพลพรรคแมงเม่าก็ขายหุ้นออกมา 135 ล้านบาท ส่วนฝรั่งก็ซื้อหุ้นแบบเสียไม่ได้ 114 ล้านบาท ส่วนกองทุนก็ดักช้อนซื้อของถูกไปทั้งสิ้น 520 ล้านบาท มันเป็นภาพสะท้อนที่ทำให้เห็นว่า ทุกคนเริ่มมีอาการท้อแท้ จึงสลับกันซื้อขายหุ้นแบบเสียมิได้!


*เมื่อ “โมนิก้า” มองกลับไปที่พอร์ตซื้อขายหุ้นของนักลงทุนแต่ละประเภทเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา กลับกลายเป็นว่า โบรกเกอร์เป็นคนขายหุ้น 500 ล้านบาท ส่วนพลพรรคแมงเม่าก็ขายหุ้นออกมา 135 ล้านบาท ส่วนฝรั่งก็ซื้อหุ้นแบบเสียไม่ได้ 114 ล้านบาท ส่วนกองทุนก็ดักช้อนซื้อของถูกไปทั้งสิ้น 520 ล้านบาท มันเป็นภาพสะท้อนที่ทำให้เห็นว่า ทุกคนเริ่มมีอาการท้อแท้ จึงสลับกันซื้อขายหุ้นแบบเสียมิได้!

*สภาวะดังกล่าวทำให้มีการประเมินว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยในวันนี้น่าจะทรงตัว หากปรับขึ้นก็คงจะไม่มาก เพราะคนที่เป็นเพลเยอร์หลักดันเป็นโจทย์เก่าของ “โมนิก้า” และทุกครั้งที่นักลงทุนกลุ่มนี้กระโจนเข้าใส่ไม่ยั้งทีไร วันถัดไปเกิดปรากฏการณ์ “ดิ่งเหวท้ามฤตยู” เป็นประจำ จึงไม่อาจไว้วางใจว่า ดัชนีจะไต่ระดับขึ้นอย่างแข็งแกร่ง จนพร้อมจะทดสอบแนวต้าน 1,400 จุดอีกครั้งนะซี

*ประกอบกับปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนีแกว่งตัวแบบงึกๆ งักๆ ก่อนจะลงเอยที่ระดับ 1,346.35 จุด บวกไป 1.20 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.35 หมื่นล้านบาท มันเหมือนเป็นการส่งสัญญาณให้รู้ว่า นักเล่นส่วนใหญ่เริ่มถอดใจกันแล้ว มูลค่าการซื้อขายถึงได้เบาบางเหมือนกับปุยนุ่น ทั้งที่เห็นกันเต็มสองลูกตาดวงโตๆ ว่าทุกอย่างกำลังเข้าสู่ลู่ทางที่มันควรจะเป็นแบบนี้..รู้สึกเสียเซลฟ์นะคะ

*สำหรับหุ้นรายตัวที่คัมแบ็กได้อย่างสุดยอด และเข้ากับคอนเซ็ปต์ร้ายกลายเป็นดี “โมนิก้า” ต้องยกให้กับ PTT  PTTEP  เพราะก่อนหน้านี้วิตกกังวลจนอุจจาระขึ้นสมองกันเป็นแถบว่า คงไม่มีใครเข้ามารับหุ้นในช่วงที่ทิ้งตัวลง พอเอาเข้าจริงๆ ทุกคนก็เข้ามารับหุ้นกันอย่างพร้อมเพรียง ราคาหุ้นที่เคยต่ำเรียดดินลงไปเรื่อยๆ จึงเด้งกลับขึ้นมาอย่างช้าๆ  ก่อนจะปิดที่ระดับ 246  บาท บวกไป 5 บาท และปิดที่ 70.25 บาท บวกไป 0.25 บาท  แถมวอลุ่มหนุนเข้ามาแบบนี้..วันนี้น่าจะไปต่อนะคะ

*อีกรายที่ปลดเปลื้องพันธนาการได้สำเร็จก็คือ JAS เพราะทุกประเด็นที่สื่อสารออกไปสู่สังคมว่า กำลังเตรียมตัวอะไรอยู่นั้น อธิบายเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้อย่างชัดเจน และยังทำให้นักลงทุนเข้าใจแผนงานของบริษัทอย่างแจ่มแจ้งแดงแจ๋ ราคาหุ้นเลยขยับขึ้นมาปิดที่ 5.50 บาท บวกไป 0.05 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 700 ล้านบาท  มันสื่อให้เห็นว่า นี่แหละหุ้นมหาชนอย่างแท้จริง!

*ไหนๆ พูดถึงมหาชนขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” อยากพูดถึง TIPCO เพิ่มเติมอีกสักเล็กน้อย เพื่อเป็นเกร็ดความรู้ประกอบการลงทุน เพราะเป็นหุ้นอีกหนึ่งตัวที่นักเล่นให้ความนิยมอย่างล้นหลาม และครั้งใดที่หุ้นเริ่มขยับออกแรงๆ วันถัดไปมักโดนลองของเป็นประจำ แต่หลังจากนั้นอีก 2-3 วัน หุ้นก็ถีบตัวขึ้นไปสร้างยอดใหม่ที่สูงกว่าเดิมได้ทุกครั้ง เดี๊ยนถึงอยากให้นักลงทุน follow ตามในทันที หลังหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 16.40 บาท บวกไป 1.50 บาท หรือขึ้นไป 10% ด้วยมูลค่า 630 ล้านบาท มันน่าสนใจจริงๆ นะคะ

*ส่วนหุ้นไฟแรงที่เล่นกับเป็นรอบๆ อย่างนู๋ซ่า NUSA อาจมีลำหักลำโค่นที่แข็งแกร่ง แต่เมื่อดูไส้ในเทียบกับภายนอก “โมนิก้า” ฟันธงได้ทันทีว่า นี่เป็นหุ้นเก็งกำไรสั้นๆ ในภาวะที่ตลาดหุ้นยังหาทิศทางที่ชัดเจนไม่เจอ บวกกับทิศทางของธุรกิจที่เรื่อยๆ มาเรียงๆ  การที่หุ้นขยับขึ้นมาปิดที่ 1.10 บาท บวกไป 0.04 บาท หรือขึ้นไป 3.77%  มันเป็นวงรอบของหุ้นที่เห็นกันมาแล้วหลายครั้ง เล่นต่อหรือไม่..ขึ้นอยู่กับเจ้ามือนะคะ

*ส่วนของแท้แน่นอนต้องยกให้ RS เพราะตั้งแต่แยกแยะระหว่างการ “ปั่นหุ้น” กับ “ปั้นธุรกิจ” มันต่างกันอย่างไร.. อะไรหลายอย่างก็ดีขึ้นเรื่อยๆ แถมนักลงทุนรู้สึกสบายใจที่เห็น “เฮียฮ้อ” เดินหน้าผุดโปรเจ็กต์ใหม่ขึ้นมาตลอดเวลา  ราคาหุ้นจึงค่อยๆ ฟื้นตัวดีขึ้นเป็นลำดับ ล่าสุดราคาหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 11 บาท บวกไป 0.40 บาท หรือขึ้นไป 3.77%  มันมองไกลได้ถึงระดับ 14-15 บาทเชียวน่า..งานนี้บอกได้คำเดียวว่า ไม่เชื่ออย่าลบหลู่เจ้าค่ะ

*ส่วนหุ้นสุดเลิฟอย่าง EA  ยังคงแสดงให้เห็นถึงมหาชนให้ความนิยมเป็นจำนวนมาก “โมนิก้า” จึงขอย้ำเป้าหมายรอบนี้ยังอยู่ที่ระดับ 25 บาทเหมือนเดิม และอย่าได้หวั่นไหวกับการเขย่าเอาของระหว่างทางเป็นอันขาด ขณะที่ราคาปิดวานนี้อยู่ที่ระดับ 21.50  บาท บวกไป 0.40 บาท หรือขึ้นไป 2% มองจากมุมไหน ก็ยังเป็นโอกาสสำหรับคนกล้าเล่นรอบเจ้าค่ะ

*ส่วนคนที่ชอบ “มาเร็ว เคลมเร็ว” ต้องหันมามอง JWD แต่เพียงผู้เดียว เนื่องจากงานนี้ไม่ต้องกล่าวถึงความสามารถในการทำกำไรให้เสียอารมณ์ เพราะตรีมที่นำมาเล่นข่าวปั่นกระแส เพื่อเรียกเรตติ้งมันไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่สักเท่าไหร่ แถมทุกคนมองไปในทางเดียวกันว่า หุ้นที่มีกองทุนถือเยอะๆ ไม่เคยรอดสันดอนสักราย วานนี้จึงเป็นอีกวันที่หุ้นอ่อนตัวลงมาปิดที่ 13 บาท ลบไป 0.40 บาท หรือลงไป 3% ด้วยมูลค่า 700 ล้านบาท เมื่อเทียบกับ IPO ที่ 11 บาท..บอกได้ทันทีว่า มันจบแล้วค่ะนาย!

 

Back to top button