หมอระเฑียรกับ กลยุทธ์คั้นมะนาว

การเปิดตัวครั้งใหญ่เพื่อขจัดความคลุมเครือของภาพลักษณ์ XPG โดยหมอระเฑียรเป็นประธานกรรมการบริษัทที่ไม่ใช่ผู้ถือหุ้นใหญ่…ไม่ใช่เรื่องแปลก


การเปิดตัวครั้งใหญ่เพื่อขจัดความคลุมเครือของภาพลักษณ์ บริษัท เอ็กซ์สปริง แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ XPG จากชื่อเดิมคือ ZMICO โดยหมอระเฑียรเป็นประธานกรรมการบริษัทที่ไม่ใช่ผู้ถือหุ้นใหญ่…ไม่ใช่เรื่องแปลก

แล้วแผนยุทธศาสตร์ธุรกิจอันสวยหรูน่าหมั่นไส้ก็..…ไม่ใช่เรื่องแปลกอีกเช่นกัน

เหตุผลง่าย ๆ เพราะหมอระเฑียรเป็นคนประเภท “เล็ก ๆ ไม่ ใหญ่ ๆ ทำ” มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว

นับแต่ทิ้งอาชีพหมอ หันมาบริหารธุรกิจในฐานะลูกจ้างมืออาชีพ งานแรกที่คนรู้จักฝีมือคือการร่วมทีมผ่าตัดเทิร์นอะราวด์ธนาคารนครหลวงไทยที่ขาดทุนป่นปี้

ก่อนจะย้ายมาสร้างชื่อกับบัตรเครดิตกรุงไทยหรือ KTC จนลือลั่นด้วยสูตร “การตลาดที่คำนึงถึงงบการเงิน”

ก่อนหน้าที่หมอระเฑียรจะเข้าไปที่นั่น KTC (ไม่อยากจะเอ่ยให้สะเทือนซางกันเลย) ยุคของคุณนิวัติ จิตตาลาน ก้าวขึ้นเป็นบัตรเครดิตระดับนำ แต่ขาดทุนมโหฬาร เพราะการตลาดเชิงรุกแบบดึกดำบรรพ์

เข้ามาแค่ปีแรกหมอระเฑียร ก็สำแดงฝีมือ ทำ KTC กลับมาทำกำไรและเติบโตทางการตลาดต่อเนื่อง น่าอิจฉา

จากนั้น เส้นทางของมืออาชีพก็ถึงเวลาอิ่มตัว คิดถึงโอกาสจะเป็นเจ้าของกิจการเองบ้าง

ต้นปีนี้หมอระเฑียรตัดสินใจรวบรวมเงินออม (ไม่ได้บอกว่ากู้มา) 160 ล้านบาท เข้าซื้อหุ้น 100 ล้านหุ้น จากคุณสุเทพ วงศ์วรเศรษฐ์ อดีตผู้บริหารบริษัท เงินทุนหลักทรัพย์ศรีมิตร หรือ CMIC ซึ่งล่วงหน้ามาก่อนในการเปลี่ยนสถานะจากลูกจ้าง มาเป็นเจ้าของบ้าง…..แต่ต้องเผชิญกับความจริงที่ว่า วาสนากับความสามารถไม่เดินไปพร้อมกัน

แม้ว่าผลประกอบการของ XPG ที่หมอระเฑียรเข้าไปรับช่วงต่อยังมีตัวเลขขาดทุนสะสมติดค้างอยู่ ดังนั้นการจะเติบโตแบบ organic growth จะล่าช้าเกินไป

แม้หมอระเฑียรจะฝันในเชิงบวกว่าการตัดสินใจเข้าไปซื้อหุ้น บริษัท ซีมิโก้ แคปปิตอล เพราะมองเห็นคุณค่าของการมีใบอนุญาต (ไลเซนส์) ของซีมิโก้ฯ จำนวนมาก เรียกว่าครบที่สุดบริษัทหนึ่งในธุรกิจการเงินดั้งเดิม (tradition finance) แม้คนส่วนใหญ่อาจมองว่าเป็น “ซันเซต อินดัสทรี” แต่ตนมองว่าเป็น “โอกาส” เพราะหนึ่งในไลเซนส์ที่มี คือ AMC (บริหารสินทรัพย์) ทั้งยังเป็น 1 ใน 2 บริษัทไทยที่มีใบอนุญาตในการเป็นผู้ให้บริการระบบเสนอขายโทเคนดิจิทัล หรือ ICO Portal อีกด้วย แต่คำถามตามมาคือ เอาทุนที่ไหนมาเปิดเกมรุก ตามสูตรแล้วก็ต้องทำ 3 อย่างพร้อมกันคือ เพิ่มทุน ก่อหนี้เพิ่ม และเร่งสร้าง organic growth ในธุรกิจที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่าต้นทุนการเงิน ทั้งหมดนี้จะกระทำไม่ได้ หากสามารถหาพันธมิตรได้ หรือการร่วมทุนกับพันธมิตรแตกคอกันเองเพราะไม่ลงตัว

คำตอบหาจนได้เมื่อสามารถเจรจาหาพันธมิตรรายใหญ่มาร่วมด้วย เป็นที่มาของการเพิ่มทุนขายหุ้นในราคาสูงพิเศษกว่าบุ๊กผ่านการเพิ่มทุนจากมติวันที่ 14 พฤษภาคม คณะกรรมการ XPG ได้จัดประชุม นำหุ้นใหม่ จำนวน 1,035,338,000 หุ้น เสนอขายบุคคลในวงจำกัด 3 ราย ในราคาหุ้นละ 4.10 บาทจากราคาพาร์ 50 สตางค์

บุคคลในวงจำกัด 3 ราย ที่เสนอขายหุ้นใหม่ประกอบด้วย บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI จำนวน 403,379,000 หุ้น รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 1,653,853,900 บาท

บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) จำนวน 268,918,000 หุ้น วงเงินรวม 1,102,563,800 บาทและนายมงคล ประกิตชัยวัฒนา จำนวน 363,041,000 หุ้น รวมเป็นเงิน 1,488,468,100 บาท

คณะกรรมการ XPG ได้มีมตินำหุ้นใหม่จำนวน 5,378,379,344 หุ้น จัดสรรให้ผู้ถือหุ้นเดิมในสัดส่วน 1 หุ้นเดิมต่อ 2 หุ้นใหม่ ในราคาหุ้นละ 50 สตางค์

การได้รับเงินเพิ่มทุนมูลค่า 7.11 พันล้านบาทเข้ามา เป็นอีกปัจจัยที่สำคัญที่ช่วยเสริมศักยภาพให้กับบริษัท

ความฉลาดของหมอระเฑียร ในวิศวกรรมการเงินยังนำไปสู่แหล่งรายได้ใหม่จากการเพิ่มธุรกรรมก้าวสู่ Digital Financial Service ด้วยการออก SIRI HUB Token แล้วจะตามมาอีก

การเปิดตัวของ XPG จึงไม่ควรถามว่าเป็น แค่หวือหวา หรือ ของจริง

เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับความหวือหวาของราคาหุ้นบนกระดาน ที่มีคนตั้งคำถามว่าน่าจะเข้าข่ายอินไซเดอร์

Back to top button