งัดไม่ขึ้น

ยอมรับว่า การทรุดตัวของดัชนีลงมาปิดที่ระดับ 1,605.68 จุด ลบไป 11.30 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 9.06 หมื่นล้านบาท ทำให้เดี๊ยนหน้าแหกไม่มีชิ้นดี


* ต้องยอมรับว่า การทรุดตัวของดัชนีลงมาปิดที่ระดับ 1,605.68 จุด ลบไป 11.30 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 9.06 หมื่นล้านบาท ทำให้เดี๊ยนหน้าแหกไม่มีชิ้นดี และยังทำให้รู้ด้วยว่า ตลาดหุ้นไทยต้องผ่านการเขย่าแรงอีกระยะหนึ่ง ซึ่งจะเป็นการวัดความแข็งแกร่งของแนวรับ 1,600 จุดมีขนาดไหน? ต่อจากนั้นถึงจะเทคตัวขึ้นอย่างเป็นทางการอีกรอบแบบนี้ ล้วนเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับวงรอบหุ้นอย่างชัดเจนเจ้าค่ะ

* ในเมื่อเดี๊ยนมองวงรอบหุ้นเป็นแกนหลัก ผสานกับสัญญาณเทคนิคแกนเสริม ก็ไม่มีความจำเป็นต้องอธิบายอะไรให้ฟังไปมากกว่านี้ เพราะการแกว่งตัวไปมาตลอดทั้งวัน ก่อนทุกอย่างจะพังครืนลงมาไม่เป็นท่า มันเป็นหนังเรื่องเดิมที่ฉายซ้ำเป็นรอบที่ 2 “โมนิก้า” ถึงพยายามบอกเล่าสิ่งที่เชื่อให้แฟนคลับได้รับรู้ ส่วนจะเชื่อหรือไม่นั้น! ก็เป็นเรื่องของแต่ละคนที่ต้องใช้วิจารณญาณนะจ๊ะ

* เหมือนแรงขายที่สาดใส่น้องมิ้น MINT เป็นระลอกตลอดทั้งสัปดาห์ จนวานนี้ยืนปิดที่ระดับ 31.50 บาท ลบไป 0.50 บาท หรือลงไป 1.55% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 864 ล้านบาท กลายเป็นทางสองแพร่งที่นักเล่นต้องเลือกเสียแล้ว เพราะจุดที่ยืนเป็นฐานแนวรับเก่าที่หุ้นเคยเด้งกลับขึ้นไปแถว 34 บาท ขณะเดียวกันก็เคยเป็นจุดสไลด์ที่หุ้นลงไปตั้งฐานใหม่บริเวณ 28 บาท จึงเป็นสถานการณ์ที่คอมเมนต์ค่อนข้างยากจ้า!

* คล้ายกับการวิ่งขึ้นของหุ้น AWC อย่างร้อนแรงในช่วงตลาดหุ้นแดงแจ๋ ล้วนเป็นเรื่องที่ “โมนิก้า” เดาเกมไม่ออกเหมือนกันว่า เอาอะไรมาขึ้น? เพราะเมื่อดูสถานการณ์รอบตัว ณ เวลานี้ ไม่มีมุมไหนที่ทำให้เชื่อว่า หุ้นตัวนี้จะแรลลี่ยาวได้เลยจริง ๆ เดี๊ยนถึงต้องออกตัวแบบกลาง ๆ ว่า การยืนปิดที่ระดับ 4.66 บาท บวกไป 0.18 บาท หรือขึ้นไป 4% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 746 ล้านบาท คือเกมเสี่ยงที่ขาลุยต้องแบกกันเอาเองค่ะ

* ตรงกันข้ามกับรายของ TU อย่างสิ้นเชิง เพราะรายนี้มีการลงทุนเพื่อต่อยอดธุรกิจตลอดเวลา แถมการปิดดีลแต่ละครั้งก็ วิน-วิน กันทุกฝ่าย “โมนิก้า” ถึงเชื่อว่า ปลายปีนี้ต่อเนื่องถึงปีหน้าจะเห็นแวลูของหุ้นเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และการที่หุ้นยืนปิดที่ระดับ 21.70 บาท บวกไป 0.30 บาท หรือขึ้นไป 1.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 939 ล้านบาท น่าจะเป็นจังหวะของการสะสมหุ้นเข้าพอร์ต เพื่อขายในราคาที่สูงกว่าเดิมพะยะค่ะ

* ส่วนคนที่ถนัดเล่นเก็งกำไรแบบสุดซอย คงต้องมองไปที่หุ้นร้อนอย่าง CPT เป็นรายถัดมาในทันที เพราะช่วงเช้าทะยานขึ้นไปถึงระดับ 1.18 บาท พอตกบ่ายกลับอ่อนตัวลงมาเรื่อย ๆ จนสุดท้ายยืนปิดที่ระดับ 1.07 บาท เหลือบวกแค่ 0.04 บาท หรือขึ้นไป 3.90% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 268 ล้านบาท กลายเป็นสถานการณ์ที่ทำให้คิดหนักขึ้นมาทันที เพราะในมุมของพื้นฐานยังมีตัวแดงโผล่หรา จึงกลายเป็นหุ้นที่เล่นได้แค่สั้น ๆ เจ้าค่ะ

* อีกรายที่เล่นกันอย่างดุเดือดเลือดพล่าน “โมนิก้า” คงต้องยกตำแหน่งนี้ให้กับหุ้น CFRESH แบบไร้ข้อกังขา เพราะการบวกสามวันติดทั้งที่ภาวะตลาดหุ้นแดงแจ๋ มันทำให้เห็นว่า หุ้นตัวนี้ต้องมีอะไรดีซ่อนไว้แน่ ๆ บรรดานกรู้ถึงไล่ราคาหุ้นขึ้นมาปิดที่ระดับ 3.88 บาท บวกไป 0.28 บาท หรือขึ้นไป 7.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 110 ล้านบาท ทั้งที่ยังไม่เห็นอะไรในกอไผ่สักอย่างแบบนี้ เดี๊ยนบอกได้ทันทีว่า ลุกทีหลังจ่ายรอบวงนะจ๊ะ..นะจ๊ะ

* ส่วนหุ้นเล็กที่ลองเชิงกันพักใหญ่ และเริ่มดันใหม่อีกรอบ “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้น AIE อย่างรวดเร็ว หลังป๋าดันช่วยกันดันหุ้นขึ้นมาปิดที่ 1.61 บาท บวกไป 0.10 บาท หรือขึ้นไป 6.60% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 428 ล้านบาท กลายเป็นช็อตที่ทำให้เชื่อว่า เที่ยวนี้จะขึ้นไปทดสอบยอดเดิมที่บริเวณ 1.70 บาทอีกครั้ง จึงกลายเป็นหุ้นที่เหมาะสำหรับนักผจญภัยที่ชอบตามกระแสในทันที ผสานกับหุ้นยังเทรดบน PE 15 เท่า จึงกลายเป็นหุ้นที่มีความเสี่ยงไม่มากนักเจ้าค่ะ

* คล้ายกับการขึ้นแรงวันแรกของหุ้น SONIC ก่อนจะจบลงด้วยการยืนปิดที่ 4.92 บาท บวกไป 0.32 บาท หรือขึ้นไป 6.95% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 133 ล้านบาท ก็เป็นการเล่นบน PE 20 เท่าแบบนี้ “โมนิก้า” จึงไม่คาใจหากวันนี้จะเล่นต่ออีกยก หรือจะพักยกชั่วคราว…ก็ได้หมดถ้าสดชื่น เพราะโมเมนตัมของหุ้นมาดีเหลือเกิน รวมทั้งสตอรี่ของหุ้นก็แจ่มแมวเสียด้วย เดี๊ยนจึงอยากให้เม่าประเมินกันเอาเองว่า เลือกทางไหนดี?..อิอิอิ

Back to top button