นายกฯ คนที่ 100 ของญี่ปุ่น

สภาญี่ปุ่นได้รับรองให้ “ฟูมิโอะ คิชิดะ” เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 100 ของประเทศ เนื่องจากพรรคเสรีประชาธิปไตยครองเสียงข้างมากในทั้งสองสภา


สภาญี่ปุ่นได้รับรองให้ “ฟูมิโอะ คิชิดะ” เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 100 ของประเทศไปตามคาดเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา เนื่องจากพรรคเสรีประชาธิปไตย (แอลดีพี) ครองเสียงข้างมากในทั้งสองสภา ทุกอย่างจึงไม่พลิกโผ

ก่อนจะมาถึงจุดหมายตามที่หวังไว้มานาน คิชิดะสามารถเอาชนะ ทาโร โคโนะ รัฐมนตรีที่รับผิดชอบเรื่องการบริหารวัคซีน ซึ่งมีคะแนนนิยมสูงได้ เพราะได้รับการหนุนหลังจากผู้ใหญ่ในพรรค จนได้เป็นหัวหน้าพรรค แอลดีพีเมื่อวันที่ 29 กันยายนแทน โยชิฮิเดะ ซูกะ ซึ่งได้ลาออกหลังจากที่ทำงานได้เพียงปีเดียวเนื่องจากความนิยมตกต่ำมาก

หลังจากที่ได้เปิดเผยโฉมหน้าคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนสนิทของอดีตนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ คิชิดะ ได้สร้างเซอร์ไพรส์ ด้วยการประกาศยุบสภาในสัปดาห์หน้า และจะจัดเลือกตั้งในวันที่ 31 ตุลาคม ซึ่งเร็วกว่าที่คาดกันไว้ว่า น่าจะเป็นวันที่ 28 พฤศจิกายนเนื่องจากสภาจะครบวาระในวันที่ 21 ตุลาคม

เหตุผลสำคัญที่ทำให้คิชิดะต้องรีบจัดเลือกตั้งใหม่ก็เพราะว่า ต้องการใช้ความได้เปรียบจากช่วงฮันนีมูนที่รัฐบาลใหม่มักจะได้รับ และไม่ต้องการเสียเวลาเนื่องจากมีความเสี่ยงที่การระบาดของไวรัสโคโรนาอาจจะเลวร้ายลงอีกได้

นอกจากนี้ ในขณะนี้ญี่ปุ่นมีความคืบหน้าในการฉีดวัคซีนอย่างเห็นได้ชัด โดยสามารถช่วยยับยั้งการติดเชื้อระลอกที่ห้าได้ จากข้อมูลเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา นครโตเกียวมีผู้ติดเชื้อใหม่ทั้งหมดเพียง 87 คน ต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 2 พฤศจิกายน

ภารกิจสำคัญของคิชิดะ ที่จะต้องทำต่อจากนี้ไป คือ ต้องเรียกคะแนนนิยมของพรรคแอลดีพีกลับมาให้ได้ หลังจากที่ความนิยมลดลงมากเพราะรัฐบาลของซูกะ ดึงดันจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกท่ามกลางเสียงคัดค้านและท่ามกลางการระบาดของโควิดอย่างรุนแรงในขณะนั้น

นอกจากจะต้องนำพาพรรคแอลดีพีได้ให้รับชัยชนะในการเลือกตั้งในเดือนหน้าแล้ว ยังต้องหาทางฟื้นฟูเศรษฐกิจจากการระบาดของโควิดและและต้องเผชิญการคุกคามจากเกาหลีเหนือด้วย

การทำงานในเส้นทางการเมืองของคิชิดะส่วนใหญ่เป็นงานด้านการทูต โดยเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศในสมัยของนายกรัฐมนตรี ชินโซอาเบะ เมื่อปี 2555 และได้ดำรงตำแหน่งรมต.ต่างประเทศยาวนานที่สุด ในช่วงปี 2555 ถึง 2560

ก่อนเล่นการเมืองเคยทำงานที่ลอง-เทอม เครดิตแบงก์ ออฟ แจแปน และจากนั้นเป็นเลขาของสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรคนหนึ่ง และได้รับเลือกเป็นส.ส.ฮิโรชิมา ในการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อปี 2536

เป็นที่รู้กันว่า คิชิดะเป็นนักการเมืองเสรีนิยมสายกลาง จึงมีการคาดการณ์ว่าเขาจะนำพาพรรคดำเนินนโยบายเอียงซ้ายเล็กน้อย แม้มีเสียงวิจารณ์ ว่า เขาเป็นคนสุภาพและน่าเบื่อ แต่มีการมองว่า เขาจะได้เป็นหัวหน้าพรรคในอนาคตมานานแล้ว เนื่องจากได้รับการสนับสนุนจากนักการเมืองรุ่นเก่าในพรรค

คิชิดะได้สัญญาว่าจะใช้เงินหลายพันล้านดอลลาร์เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจอันดับสามของโลกฟื้นตัวจากโควิด  และได้ตั้งตำแหน่งใหม่ คือรัฐมนตรีความมั่นคงทางเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นคนที่เคยช่วยร่างนโยบายเพื่อปกป้องเทคโนโลยีในซัพพลายเชนและความปลอดภัยทางไซเบอร์จากจีน

ในด้านนโยบายต่างประเทศ คิชิดะยืนยันว่าญี่ปุ่นยังคงเป็นพันธมิตรกับรัฐบาลวอชิงตันอย่างเหนียวแน่น และกล่าวว่า ได้รับสารจากประธานาธิบดี โจ ไบเดนว่า สหรัฐฯ มุ่งมั่นที่จะปกป้องหมู่เกาะ เซนคาคุ ในทะเลจีนตะวันออก ในขณะที่จีนก็ได้อ้างสิทธิ์ในหมู่เกาะไดโอยูส นอกจากนี้ ยังส่งสัญญาณแสดงความกังวลต่อท่าทีของจีนที่มีต่อไต้หวันด้วย

ยังมีการคาดว่า คิชิดะจะเกี่ยวพันมากขึ้นกับกลุ่มพันธมิตรทางทหารที่เรียกว่า Quad ซึ่งประกอบด้วย สหรัฐฯ ออสเตรเลีย อินเดีย และญี่ปุ่น แต่ปักกิ่งมองว่า Quad เป็นความพยายามที่จะควบคุมการเติบโตของจีน

นอกจากนี้ จะเคยกล่าวหารัฐบาลปักกิ่งว่า ต้องการส่งออก “ระบบระบบเผด็จการ” แล้ว ในปี 2560 ขณะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศ คิชิดะกดดันจีนให้กดดันเกาหลีเหนือเพื่อลดอาวุธนิวเคลียร์ และยังเรียกร้องให้ญี่ปุ่นเพิ่มการป้องกันตัวเอง เพราะเชื่อว่า จะมีการปะทะกันระหว่างประเทศเผด็จการกับประชาธิปไตยในภูมิภาค โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องสถานะของไต้หวัน

ด้านชีวิต ส่วนตัว คิชิดะเกิดเมื่อวันที่  29 กรกฎาคม 2500 จากครอบครัวนักการเมืองในชิบูยา ทั้งพ่อและปู่เป็นอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และยังเป็นญาติห่าง ๆ กับอดีตนายกรัฐมนตรี คิอิชิ มิยาซาวาด้วย

เนื่องจากพื้นพเครอบครัวมาจากฮิโรชิมา ดังนั้นเขาจึงต่อต้านการใช้อาวุธนิวเคลียร์  ขณะเดียวกัน ยังเป็นคนจัดการให้อดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา เยือนฮิโรชิมาเมื่อ 2559 ซึ่งถือเป็นการเยือนฮิโรชิมาเป็นครั้งแรกของประธานาธิบดีสหรัฐฯ

คิชิดะได้เรียนโรงเรียนประถมที่ คลีเมนต์ ซี.มัวร์ ในย่าน Elmhurst ของเมืองควีนส์ รัฐนิวยอร์ก เนื่องจากพ่อไปทำงานในสหรัฐฯ แต่กลับมาจบการศึกษามัธยมปลาย จาก ไคเซ ซีเนียร์ สคูล ซึ่งในขณะเรียนที่นี่ เขาได้เล่นให้กับทีมเบสบอลของโรงเรียนด้วย

หลังจากที่ถูกปฏิเสธหลายครั้งจากมหาวิทยาลัยโตเกียว คิชิดะ ก็ได้เข้าไปศึกษาด้านกฎหมายในมหาวิทยาลัยวาเซดะ และจบการศึกษาในปี 2515 คู่สมรสคือ ยูโกะ

คิชิดะ ได้ให้สัมภาษณ์หลังได้เป็นหัวหน้าพรรคแอลดีพี ว่า ทักษะของเขาคือการรับฟังอย่างแท้จริงต่อประชาชน และมุ่งมั่นที่จะพยายามร่วมกับทุกคนเพื่อสร้างพรรคแอลดีพีที่เปิดกว้าง และอนาคตที่สดใสของญี่ปุ่น

เวลาเท่านั้นที่จะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่า นายกรัฐมนตรีคนที่ 100 จะทำให้ญี่ปุ่นกลับมามีอนาคตที่สดใสและรุ่งเรืองเหมือนที่สัญญาได้หรือไม่ หรือว่า ญี่ปุ่นจะกลายเป็นเศรษฐกิจอันดับสามที่ถูกจีนทิ้งห่างออกไปมากขึ้นทุกที

Back to top button