พาราสาวะถี

หลังเสร็จสิ้นการประชุมศบค.ชุดใหญ่ มีการตั้งโพเดียมแถลงข่าว ท่านผู้นำประกาศความพร้อมสำหรับการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวในวันที่ 1 พฤศจิกายนนี้


เป็นภาพที่ชินตาตามความถนัดของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจ หลังเสร็จสิ้นการประชุมศบค.ชุดใหญ่เมื่อวันวาน มีการตั้งโพเดียมแถลงข่าว โดยเรียกรัฐมนตรี หัวหน้าส่วนราชการมายืนเรียงหน้ากระดานเป็นไม้ค้ำยัน การันตีเรื่องที่ตัวเองจะแถลงเพื่อสร้างความมั่นใจ นอกจากนั้นยังมีประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยร่วมในการแถลงด้วย พอจะเข้าใจได้ต่อสิ่งที่ท่านผู้นำประกาศความพร้อมสำหรับการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวในวันที่ 1 พฤศจิกายนนี้

ไม่ต้องมาบอกว่าเป็นก้าวเล็ก ๆ ที่คนไทยจะต้องร่วมมือกันเพื่อน่าจะได้เริ่มกลับมาทำมาหากิน กลับมาตั้งตัวได้ดีอีกครั้ง เนื่องจากความเป็นอยู่ของประชาชนนั้นไม่ได้ขึ้นอยู่แค่การเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวเพียงอย่างเดียว แต่หากมันหมายรวมถึงทุกภาคส่วนที่ต้องอาศัยความสามารถในด้านการบริหารประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ วันนี้เอาแค่เฉพาะขอให้อยู่รอดไม่ตกระกำลำบากก็พอแล้ว เพราะทุกฝ่ายต่างประคับประคองตัวเองกันมาอย่างเต็มที่จนจะเต็มกลืนแล้ว

แต่ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจก็หาได้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการแก้ไขปัญหาที่มีผลกระทบต่อประชาชนส่วนใหญ่ได้ เวลานี้เอาแค่เฉพาะกรณีของราคาน้ำมันที่ทะยานขึ้นอย่างต่อเนื่อง แน่นอนว่าจุดสำคัญคือเป็นไปตามกลไกตลาดในต่างประเทศ ทว่าถ้ารัฐบาลมีความสามารถที่แท้จริงจะต้องบริหารจัดการเพื่อลดภาระในส่วนนี้ของประชาชน เพราะหากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อเนื่องต่อไป สิ่งที่จะตามมาคือภาวะค่าครองชีพของคนไทยที่จะสูงขึ้น สวนทางกับรายได้ที่หดหายและลดต่ำลงอย่างต่อเนื่อง

ขณะเดียวกัน เรื่องของการเปิดประเทศนั้นวันนี้เป็นการช่วงชิงพื้นที่ข่าวเพื่อทำให้เห็นว่าประเทศไทยพร้อมที่จะรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามา แก้ไขปัญหาการหมดปัญญาที่จะหาเงินเข้าประเทศของรัฐบาลสืบทอดอำนาจ โดยที่ทุกภาคส่วนต่างเห็นดีเห็นงามด้วย แต่เงื่อนไขที่จะกำหนดเพื่อรองรับความประสงค์ของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจนั้น จะถือเป็นตัวชี้วัดที่สำคัญต่อการตัดสินใจของนักท่องเที่ยวจากแต่ละประเทศที่จะเดินทางเข้ามา

เมื่อฟังถ้อยแถลงของ นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค ต่อการเตรียมความพร้อมในเรื่องดังกล่าวแล้วไม่ใช่เรื่องง่าย หน้าที่ในการกำหนดเงื่อนไขและมาตรการต่อการเปิดประเทศนั้นเป็นภาระของศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือ ศปก.ศบค. ซึ่งมีเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ ศบค. เป็นผู้อำนวยการ ภายใต้ข้อเสนอและคำชี้แนะของกระทรวงสาธารณสุข คำถามก็คือระหว่างเอาใจนายกับการวางข้อกำหนดอย่างเคร่งครัดจะเลือกแบบไหน

เบื้องต้นยังไม่มีการกำหนดประเทศที่จะพิจารณาให้เดินทางเข้ามาโดยไม่ต้องกักตัว ซึ่งศปก.ศบค.จะต้องไปหารือกันเรื่องนี้ก่อน แต่หลักเกณฑ์จะพิจารณาจากผู้เดินทางจะต้องฉีดวัคซีนโควิด-19 ครบโดส ตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยวิธี RT-PCR ก่อนเดินทางมาถึง รวมไปถึงพิจารณาสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 จากประเทศต้นทางนั้น ๆ ด้วย ซึ่งกรณีหลังหากใช้เกณฑ์การระบาดจะเหลือกี่ประเทศที่จะสามารถเดินทางมาได้

อีกเงื่อนไขที่ไม่แน่ใจว่าผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องได้เสนอหรือมีการแลกเปลี่ยนพูดคุยกับทางฝ่ายกุมอำนาจแล้วหรือไม่ นั่นก็คือการพักคอยของผู้เดินทางระหว่างรอผลตรวจ RT-PCR หรือ One night Quarantine จะต้องพักที่ไหน คำตอบจากอธิบดีกรมควบคุมโรคก็คือ เบื้องต้นเห็นชอบให้พักที่โรงแรมตามระบบสถานกักกันโรคทางเลือก หรือ Alternative Satate Quarantine และเพิ่มเติมคือ โรงแรมที่ได้รับมาตรฐานการรับรอง SHA Plus จากกรมอนามัย ไม่ใช่ว่าจองได้ทุกโรงแรม

ประเด็นสำคัญอยู่ตรงที่ว่าโรงแรมจะต้องรับผิดชอบเรื่องการตรวจหาเชื้อให้กับผู้เดินทาง ซึ่งในส่วนนี้นายแพทย์โอภาสยอมรับว่ายังไม่ได้หารือกับผู้ประกอบการ โดยอ้างว่าต้องรอรายละเอียดหลังจากการหารือร่วมกับศปก.ศบค.ก่อน กรณีนี้อาจจะมองเป็นเรื่องเล็กน้อยว่าถ้าผู้ประกอบการอยากมีรายได้ภายใต้สถานการณ์การระบาดเช่นนี้ก็ต้องพร้อมที่จะแบกรับ แต่กับภาวะที่ขาดรายได้มานานเมื่อต้องมีต้นทุนเพิ่มจะคุ้มค่ากันหรือไม่ ถ้าเป็นปัญหาภาครัฐมีความพร้อมที่จะเข้าไปช่วยแบ่งเบาได้หรือเปล่า

ส่วนจังหวัดที่จะเปิดให้มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาโดยไม่ต้องกักตัวนั้น คงหนีไม่พ้นจังหวัดที่มีสนามบินรองรับสายการบินระหว่างประเทศ เนื่องจากตามเงื่อนไขที่จะกำหนดก็คือเปิดเฉพาะช่องทางทางอากาศเท่านั้น ตรงนั้นก็ต้องไปดูความพร้อมของแต่ละพื้นที่ในขณะนั้นด้วย แต่ที่น่าสนใจคือ ในส่วนของสนามบินสุวรรณภูมิที่ถือเป็นจุดใหญ่ รับเข้ามาแล้วจะกระจายนักท่องเที่ยวเหล่านั้นไปอย่างไร หากมีกระบวนการขั้นตอนที่ยุ่งยาก ก็จะไม่สร้างแรงจูงใจให้คนเดินทางเข้ามาด้วยเช่นกัน

ก่อนที่จะไปถึงจุดนั้น คงต้องมารอดูสถานการณ์จากช่วงระยะเวลาที่เหลือจากนี้ไปก่อนว่า ภายในประเทศจะไม่มีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นอีก เพราะที่ประชุมศบค.ชุดใหญ่ได้มีการผ่อนคลายกิจการ กิจกรรมต่าง ๆ โดยเฉพาะในส่วนที่สามารถรวมตัวกันได้มากขึ้น แม้จะมีการกำหนดจำนวนตามพื้นที่สี โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาก็มีผู้ติดเชื้อจากการพบปะกันจำนวนมากให้เห็นต่อเนื่อง ล่าสุดคลัสเตอร์ตลาดเมืองใหม่ ที่จังหวัดเชียงใหม่คือตัวอย่างที่สำคัญ

อาจจะมีการอ้างเรื่องจำนวนของผู้ที่ฉีดวัคซีน กรณีนี้ข้อมูลทางการแพทย์ก็ยืนยันชัดเจนแล้วว่า ลดความรุนแรงของโรค ลดการป่วยหนักและเสียชีวิตของผู้ที่ได้รับเชื้อเท่านั้น ไม่ได้ป้องกันการแพร่ระบาดหรือการติดเชื้อได้ ตัวเลขของผู้ติดเชื้อที่ยังคงขึ้นลงระหว่างหลักหมื่นต้น ๆ กับต่ำกว่าหมื่นนิด ๆ ในแต่ละวันคือตัวบ่งชี้ แต่เมื่อผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจมีความต้องการเช่นนั้น โดยที่ฝ่ายให้คำชี้แนะก็พร้อมสนองตอบเต็มที่ คงต้องช่วยกันภาวนาว่าอย่าให้เกิดเหตุอะไรขึ้นมาอีก การระบาดสองระลอกล่าสุดคือบทเรียนสำคัญที่มันทำให้รู้สึกว่าท่านผู้นำและลิ่วล้อเป็นเหมือนพวกบุญมีแต่กรรมบัง

Back to top button