พาราสาวะถี

การยุบพรรคเพื่อไทยในกรณีมีคลิปในกลุ่มไลน์ส.ส.พรรคเพื่อไทย โดยมี ทักษิณ ชินวัตร วิดีโอคอลเข้ามาพูดคุยกับส.ส.ของพรรค


เป็นธรรมดาของนักร้องไม่ว่าจะอยู่ในพรรคสืบทอดอำนาจ หรือคนที่อ้างว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเกี่ยวพันกับพรรคแต่การเคลื่อนไหวนั้นชัดเจนว่าทำเพื่อใคร ต่อการที่มีการขยับจะยื่นเรื่องให้กกต.ดำเนินการยุบพรรคเพื่อไทยในกรณีมีคลิปปรากฏในกลุ่มไลน์ส.ส.พรรคเพื่อไทย เป็นบรรยากาศงานเลี้ยงส.ส.และผู้บริหารพรรคที่จัดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ โดยมี ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี วิดีโอคอลเข้ามาพูดคุยกับส.ส.ของพรรค

สิ่งที่เป็นประเด็นที่ทำให้บรรดานักร้องทั้งหลายตาโตก็คือ ข้อเสนอของ เกรียง กัลป์ตินันท์ รองหัวหน้าพรรคและแกนนำภาคอีสานของพรรค ถามไปยังคนแดนไกลว่าจะเสนอให้ คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ อดีตภรรยานายใหญ่มาเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย โดยหวังจะเรียกคนเก่าที่ตีจากพรรคให้กลับคืนมา ซึ่งทักษิณก็ได้ตอบอย่างหนักแน่น คุณหญิงไม่ชอบการเมืองเป็นที่สุด สิ่งสำคัญคือปราศรัยไม่ถนัด ไม่ถนัดที่จะพูดต่อหน้าคนเยอะ ๆ นั่งเป็นประธานในที่ประชุมได้ แต่ว่าไปขึ้นปราศรัย ขึ้นเวทีทักทายประชาชนทำไม่เป็น

แน่นอนว่าบริบทดังกล่าวของคุณหญิงพจมานนั้นได้ดำเนินการมาตั้งแต่สมัยพรรคไทยรักไทยแล้ว ในฐานะผู้อยู่เบื้องหลังเป็นลมใต้ปีกของทักษิณ ขณะเดียวกันก็เป็นผู้ประสานทางการเมืองในหลายเรื่องที่สำคัญ รวมทั้งการเป็นแบ็กอัพให้กับกลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมืองบางกลุ่ม ซึ่งอย่างหลังเป็นที่รู้กันว่าได้สร้างความไม่พอใจให้กับฝ่ายที่มุ่งหวังจะเติบโต เป็นใหญ่ภายในพรรค จนกระทั่งเกิดการแยกตัวไปในที่สุด แต่ก็ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าไปในฐานะหอกข้างแคร่หรือแยกกันโต

อย่างไรก็ตาม ประเด็นที่นักร้องจะไปยื่นให้กกต.ยุบพรรคเพื่อไทยด้วยข้อหาทักษิณครอบงำพรรคนั้น ฟัง จรุงวิทย์ ภุมมา ก็ตอบในเชิงหลักการไม่ฟันธงให้ชัดเจน แต่บทสัมภาษณ์ของ วิษณุ เครืองาม น่าจะกระจ่างมากกว่า เมื่อเนติบริกรประจำรัฐบาลฟันธงว่า กรณีพูดคุยผ่านระบบออนไลน์เช่นนี้ไม่เข้าข่ายครอบงำ เป็นการพูดคุยธรรมดา โยนหินถามทาง หยั่งเสียง พร้อมแจกแจงด้วยว่า ที่ชี้ว่าทักษิณครอบงำนั้น อดีตนายกฯ ปฏิเสธมาแล้วไม่ใช่หรือว่า “คุณหญิงพูดไม่เป็น หาเสียงไม่เก่ง แล้วครอบอะไร ไม่ครอบ”

นอกจากนั้นยังสาธยายต่อไปว่า ตนเข้าใจว่าสิ่งที่ทักษิณพูดในงานเลี้ยงดังกล่าวนั้น เป็นการสนทนา ปราศรัย พูดจากันธรรมดา ในที่สาธารณะใคร ๆ ก็ทำได้ ไม่น่าจะถึงขั้นนำมาเป็นหลักฐานในการจะยุบพรรค เพราะไม่เช่นนั้นจะพูดอะไรกันก็ไม่ได้ บางอย่างเป็นการออกความเห็น ถามมาตอบไป แต่ถ้าเมื่อไหร่ไปเริ่มดำเนินการกันในพรรคจึงจะเข้าข่าย แต่ที่ที่เขาคุยกันอยู่นั้นไม่ใช่พรรค เป็นที่สาธารณะ ถือเป็นการแตะเบรกกันแต่เนิ่น ๆ ของบรรดานักร้องผู้ถือหางฝ่ายกุมอำนาจทั้งหลาย

อย่าลืมเป็นอันขาด ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจกับบริบททางการเมืองหลังจากการปลดสองรัฐมนตรี ตามมาด้วยการเดินสายถี่ยิบนั้น ท้ายที่สุดย่อมหนีไม่พ้นต้องพัวพันกับพรรคสืบทอดอำนาจ ในฐานะพรรคที่สนับสนุนให้เป็นนายกฯ หลังการเลือกตั้งที่ผ่านมา และยังมีการตอกย้ำโดยท่านผู้นำเองว่าพรรคก็ไม่ได้มีการที่จะเสนอชื่อใครเป็นแคนดิเดตนายกฯ ในครั้งหน้า อันหมายถึงยังคงมีตัวเองเป็นตัวชูโรงเหมือนเดิม นั่นหมายความว่า สิ่งที่ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจพูดถึงพรรคแกนนำรัฐบาลย่อมถูกนำไปตีความได้เหมือนกัน

แม้จะได้ชื่อว่าเป็นผู้ที่พรรคสืบทอดอำนาจให้การสนับสนุน แต่ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจก็ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคแต่อย่างใด นั่นย่อมมีความเหมือนกับทักษิณ อาจจะต่างกันตรงนี้หากมีการยื่นตีความในลักษณะเดียวกันผลลัพธ์ที่ออกมาอาจต่างกัน นั่นไม่ได้เป็นผลดีต่ออำนาจสืบทอดแต่อย่างใด จึงมองได้ว่าการที่วิษณุรีบแสดงความชัดเจนต่อกรณีนี้ ก็เพื่อที่จะได้ไม่ต้องมามีปัญหาให้ต้องตามล้างตามเช็ดกันภายหลัง ยิ่งใกล้เลือกตั้งท่าทีและท่วงทำนองของท่านผู้นำกับพรรคแกนนำรัฐบาลต้องเด่นชัดขึ้น

หากจะให้แตกต่างจากทักษิณก็คือการสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคเสียให้รู้แล้วรู้รอด ซึ่งก็รู้กันอยู่แล้วว่าผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจ ไม่ต้องการที่จะเอาตัวเองเข้าไปเกลือกกลั้วกับเรื่องเหล่านั้น อันจะเห็นได้จากการมีระยะห่างกับบรรดานักเลือกตั้งอย่างชัดเจน จนเกิดเป็นปัญหาต่อการถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจรอบที่ผ่านมา จึงต้องทำตัวไม่ให้ห่างเหินกันมากกว่าที่ผ่านมา แต่ก็ไม่ได้ใกล้ชิดอย่างที่ควรจะเป็น การได้เห็นคลิปของทักษิณหนนี้จึงสร้างความหวั่นไหวต่อคนในพรรคแกนนำรัฐบาลไม่น้อย

เนื่องจากในช่วงท้ายของคลิปดังว่านั้น ทักษิณประกาศต่อหน้าบรรดาสมาชิกพรรคเพื่อไทยว่า ตนมีหลายแนวทางรับรองว่าแต่ละแนวทางที่จะขับเคลื่อนส.ส.ที่คิดจะออกรับตังค์เขามาแล้วต้องเอาตังค์ไปคืน “เที่ยวนี้ต้องชนะแลนด์สไลด์เพราะว่าชนะธรรมดามันไม่ให้เป็นรัฐบาลหรอก ถ้าแลนด์สไลด์มันไม่กล้าเป็นรัฐบาล ต้องเอาแลนด์สไลด์ชนิดที่ไม่กล้าเป็นรัฐบาล” คำประกาศิตของนายใหญ่นั้นไม่ใช่ราคาคุยเป็นแน่ เพราะเลือกตั้งหนที่ผ่านมาภายใต้กติกาถูกมัดแขนมัดขายังชนะเลือกตั้งได้

เพียงแต่ว่าการที่จะชนะชนิดถล่มทลายอย่างที่ทักษิณคุยฟุ้งนั้น ต้องรอดูกติกาของการเลือกตั้งจากการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เป็นไปอยู่ในเวลานี้ โอกาสที่จะให้มีลักษณะเหมือนรัฐธรรมนูญปี 2540 ที่ทำให้นายใหญ่ประสบความสำเร็จทางการเมืองคงเป็นไปไม่ได้ ยิ่งการได้เห็นพรรคสืบทอดอำนาจกระตือรือร้นที่อยากจะแก้ไข ทั้งที่ไม่เห็นด้วยกับการแก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับที่ผ่านมา ย่อมไม่มีทางที่จะทำอะไรโง่ ๆ เตะหมูเข้าปากหมาเป็นอันขาด

สิ่งที่จะช่วยทำให้เห็นภาพรูปแบบกติกาที่พรรคสืบทอดอำนาจอยากให้เป็น ไม่ต้องมองไปยังพรรคหลักที่ชงเนื้อหาแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรการหนนี้สำเร็จอย่างประชาธิปัตย์ เพราะเสียงชี้ขาดอยู่ที่ส.ว.ลากตั้ง นั่นก็คือ ชะตากรรมของ ไพบูลย์ นิติตะวัน ซามูไรกฎหมายของพรรคที่ศาลรัฐธรรมนูญจะชี้ขาดสถานะส.ส.จากการยุบพรรคประชาชนปฏิรูปของตัวเองมาเข้าคอกพรรคแกนนำรัฐบาลที่ผ่านมา ถ้ารอดสันดอนไปได้ ก็คงได้เห็นเนื้อหากฎหมายเลือกตั้งว่าจะเป็นประโยชน์กับใครกันแน่ ไม่ใช่แค่การพลิกแพลงเพื่อกุมความได้เปรียบ แต่ทุกองคาพยพที่เกี่ยวข้องพร้อมจะอุ้มชูดูแลอยู่แล้วไม่ต้องไปถามเรื่องหลักการและความถูกต้อง

Back to top button