พาราสาวะถี

อย่าได้ถามว่าช้ากว่าประเทศเพื่อนบ้านไปกี่ก้าว เมื่อปรากฏข่าวล่าสุด สิงคโปร์เปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวที่ฉีดวัคซีนแล้วเพิ่มอีก 8 ประเทศ


อย่าได้ถามว่าช้ากว่าประเทศเพื่อนบ้านไปกี่ก้าว เมื่อปรากฏข่าวล่าสุด สิงคโปร์เปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวที่ฉีดวัคซีนแล้วเพิ่มอีก 8 ประเทศ ให้เดินทางเข้าสิงคโปร์ได้โดยไม่ต้องกักตัว ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนคลายล็อกและการปรับตัวให้อยู่กับโควิด-19 จากเดิมที่ก่อนหน้านั้นมีเพียงประเทศบรูไนและเยอรมนีที่ได้รับอนุญาตเข้าสิงคโปร์ด้วยช่องพิเศษสำหรับผู้ฉีดวัคซีนแล้ว โดย 8 ประเทศล่าสุดคือ สหรัฐอเมริกา แคนาดา สหราชอาณาจักร เดนมาร์ก ฝรั่งเศส อิตาลี สเปน และเนเธอร์แลนด์

ขณะที่ประเทศไทยเตรียมจะเปิดประเทศระยะที่ 1 ในวันที่ 1 พฤศจิกายนนี้ โดยยังไม่มีรายละเอียดของข้อกำหนดที่ชัดเจน รวมไปถึงประเทศที่จะอนุญาตให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาได้ เหตุผลที่ยังคงงก ๆ เงิ่น ๆ อยู่ ก็เพราะมีหลายปมที่จะต้องถกและเคลียร์ให้กระจ่าง โดยเฉพาะการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนในประเทศที่ยังคงห่างไกลจากเป้าหมาย ถ้าคนในยังไม่พร้อม แล้วเปิดรับคนนอกเข้ามา โอกาสที่จะนำเชื้อมาแพร่และระบาดอีกกระทอกย่อมสูงตามมาด้วย

ไม่ต้องไปเทียบเคียงกับสิงคโปร์ เพราะเรื่องวัคซีนนั้นเขาดำเนินการไปไกลกว่าประเทศไทยหลายช่วงตัว ซึ่งในภาวะวิกฤตทุกครั้ง โดยเฉพาะกับวิกฤตความขัดแย้งที่เกิดขึ้นภายในของไทย จะเห็นได้ว่าสิงคโปร์จะฉกฉวยความได้เปรียบในการโปรโมตดึงนักท่องเที่ยวเข้าประเทศสารพัดวิถี แน่นอนว่าอาจมีความแตกต่างหลายอย่างกับประเทศไทย แต่บทพิสูจน์ศักยภาพและวิสัยทัศน์ของคนที่เป็นผู้นำประเทศก็คือการพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสนี่เอง

สำหรับประเทศไทยเมื่อตั้งเป้าจะเปิดประเทศกันในเดือนหน้านี้ คำถามที่ตามมาก็คือ คนในประเทศจะต้องระมัดระวังตัวเองเพิ่มมากขึ้นหรือไม่ บอกได้คำเดียวว่าจากที่ประมาทไม่ได้อยู่แล้วก็คงต้องยกการ์ดให้สูงขึ้นไปอีก เพราะหากมองไปยังสถานการณ์การระบาดก็จะพบว่ายังไม่ดีขึ้นจนอยู่ในระดับที่น่าพอใจ เนื่องจากยังพบการติดเชื้อกระจายกันทั่วประเทศ ตัวเลขยังอยู่หลักหมื่นต่อวัน ดังนั้นมาตรการส่วนบุคคลจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งยวด

ส่วนมุมมองของบุคลากรทางการแพทย์ นายแพทย์ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เตือนไว้ว่า ทุกคนต้องระวังตัวเต็มที่เพราะวัคซีนยังไม่ครอบคลุม และยารักษาก็ยังมีจำกัด พร้อมกับความเสี่ยงที่จะเพิ่มขึ้นหลังเปิดประเทศ เมื่อใดที่การระบาดลดลงไปมากเหลือหลักร้อย ป่วยน้อย ตายน้อยมากหรือไม่ตายเลย ประชาชนเข้าถึง “วัคซีนที่มีประสิทธิภาพสูง” ครบโดสครอบคลุมครบถ้วน ยารักษาที่มีประสิทธิภาพมีเพียงพอ เข้าถึงได้ง่าย ราคาไม่แพง เมื่อนั้นจึงจะวางใจได้

ทางด้านผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจ หลังจากประกาศเป้าหมายในการเปิดประเทศไปแล้ว ภาระที่เหลือก็ยกให้เป็นขององคาพยพที่เกี่ยวข้อง ส่วนตัวเองก็เดินสายลงพื้นที่จังหวัดต่าง ๆ ต่อเนื่อง ด้วยเหตุผลเข้าไปรับฟังปัญหาและช่วยเหลือประชาชนที่ประสบความเดือดร้อน หากทำตัวแบบนี้ตั้งแต่รับตำแหน่งหลังเลือกตั้ง ไม่ใช่เพิ่งมานึกได้หลังมีปัญหาจากการถูกซักฟอก คนส่วนใหญ่คงจะเชื่อว่าสิ่งที่ทำกันอยู่ไม่ได้เป็นสัญญาณว่าจะมีการยุบสภา

เมื่อการแสดงออกมันสวนทางกับตัวตนที่ตัวเองเคยเป็นมา มันจึงมองเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ ขณะเดียวกันก็ยังมีปัจจัยที่ทำให้คอการเมืองเชื่อได้ว่ารัฐบาลสืบทอดอำนาจจะอยู่ไม่ครบวาระ ปัจจัยแรกคือปมวาระการดำรงตำแหน่งไม่เกิน 8 ปีของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจ แม้ วิษณุ เครืองาม เนติบริกรคู่ใจจะยืนยันว่ายังไม่ถึงเวลาพร้อมวลีทอง เมื่อถึงเวลาแล้วจะสะกิดบอกท่านผู้นำเองว่า “ครบแล้วครับไปเถอะ” แต่ก็ไม่มีอะไรการันตีว่าการนับอายุการอยู่ในตำแหน่งของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจนั้นเริ่มเมื่อไหร่

หากนับตั้งแต่ปี 2557 นั่นหมายความว่า ภายในเดือนสิงหาคมปีหน้าก็จะครบจำนวนตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด นั่นย่อมหมายความว่าหากไม่อยากให้เกิดการยื่นตีความผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจก็ต้องรีบชิงยุบสภาเพื่อให้มีการเลือกตั้งใหม่ แม้จะมั่นใจได้ว่าต่อให้มีการยื่นตีความผลที่ออกมาย่อมเป็นคุณต่อท่านผู้นำมากก็ตาม ทว่าทางการเมืองระยะเวลาที่เหลือจากนี้ไปไม่มีใครยืนยันได้ว่าสถานการณ์จะดำเนินไปอย่างสงบเรียบร้อย

ปัจจัยต่อมาก็คือความขัดแย้งที่มีหัวเชื้อจากการซักฟอกและการปลดสองรัฐมนตรีคนสำคัญข้างกายของพี่ใหญ่ ในสมัยประชุมของสภาที่จะเริ่มขึ้นในเดือนพฤศจิกายนนี้ ก็ไม่มีใครกล้าการันตีเช่นกันว่า วาระการพิจารณากฎหมายที่สำคัญ ๆ ของรัฐบาลนั้นจะไม่มีอุบัติเหตุทางการเมืองเกิดขึ้น ขนาดว่าแก๊ง 3 ป.รักกันมายาวนานยังมีวันสั่นคลอน นับประสาอะไรกับนักเลือกตั้งที่ยึดถือผลประโยชน์ส่วนตัวเป็นด้านหลักจะสยบยอมเป็นเบี้ยล่างให้เผด็จการสืบทอดอำนาจเหยียบย่ำได้ตลอดเวลา

ดังนั้น กรณีนี้หากไม่อยากให้เกิดก็ต้องใช้ต้นทุนในการค้ำยันความมั่นคงของรัฐบาลเต็มที่ แล้วผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจที่ยกหางตัวเองว่าใสซื่อ มือสะอาด มีรัฐธรรมนูญฉบับปราบโกงเป็นเครื่องค้ำยัน มิหนำซ้ำยังอ้างมาตลอดว่าต้องยกระดับการเมืองไม่ให้เหมือนที่ผ่านมา จะยอมผิดคำพูดด้วยการยอมทุกอย่างตามที่นักเลือกตั้งเรียกร้องอย่างนั้นหรือ ถ้ายอมงอไม่ยอมหักก็อีกเรื่อง แต่ถ้ายอมไม่ได้ปลายทางมันก็คือการเดินเข้าสู่สนามเลือกตั้งไม่ว่าจะพร้อมกันหรือไม่ก็ตาม

ประสานกรู้ของนักเลือกตั้ง จะเห็นได้จากการเตรียมความพร้อมของทุกพรรคการเมือง ซีกพรรคร่วมรัฐบาลก็ประกาศตัวชูหัวหน้าของแต่ละพรรคเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ส่วนฝ่ายค้านสำคัญพรรคก้าวไกลก็เดินสายถี่ยิบ ขณะที่เพื่อไทยเห็นความเคลื่อนไหวเรื่องรายชื่อของคนที่จะมาเป็นหัวขบวนในการลุยเลือกตั้งแล้วต้องบอกว่าไม่ธรรมดา ทว่าต้องรอดูกติกาเลือกตั้งกันก่อนว่าจะออกมารูปแบบไหน ที่สำคัญไปกว่านั้นคือ รอดูการเปิดประเทศที่กำลังจะเริ่มขึ้นคือทางสว่างของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจและคณะหรือหนทางไปสู่หุบเหว ถ้าสถานการณ์เลวร้ายบอกได้คำเดียวว่าตัวใครตัวมัน

Back to top button