ทุจริตประเทศปรสิต

ดัชนีรับรู้การทุจริตประเทศไทย ปี 2564 ร่วงอีกแล้ว จากอันดับ 104 ลงไป 110 จาก 36 คะแนนลดเป็น 35 บางคนอาจบอกว่าไม่แย่เท่าไหร่หรอก แค่คะแนนเดียว


ดัชนีรับรู้การทุจริตประเทศไทย ปี 2564 ร่วงอีกแล้ว จากอันดับ 104 ลงไป 110 จาก 36 คะแนนลดเป็น 35 บางคนอาจบอกว่าไม่แย่เท่าไหร่หรอก แค่คะแนนเดียว แต่เวียดนามแซงไปแล้ว และไม่ได้ครึ่งของสิงคโปร์

รัฐประหารอีกทีไหม จะได้ “ปราบโกง” โถ ๆ ๆ ส.ว.วันชัย สอนศิริ ยังยอมรับ รัฐประหารแก้ทุจริตไม่ได้ วงจรอุบาทว์หนักกว่าเดิม แค่ทำให้ทนายวันชัยได้เป็น 250 ส.ว. เท่านั้นเอง

ว่าที่จริง ดัชนีคอร์รัปชั่นขององค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ ในช่วงรัฐประหารใหม่ ๆ ไม่ค่อยเป็นที่ยอมรับนัก เพราะองค์กรในประเทศไทยพัวพันกับ “คนดี” ที่สนับสนุนรัฐประหาร รังเกียจนักการเมืองจากเลือกตั้ง เข้าไปทำงานกับ คสช.โดยหวังว่าจะ “ปราบโกง” จนกระทั่งมูลนิธิในไทย “ถอนตัว” จากองค์กรนานาชาติ ซึ่งให้ความสำคัญกับสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตยมากขึ้น

บางคนอาจมองว่าย้อนแย้ง ให้ความสำคัญประชาธิปไตย งั้นทำไมเวียดนามแซงหน้าไทย (39 คะแนน) สิงคโปร์เป็นอำนาจนิยม รัฐบาลพรรคเดียว ทำไมคะแนนสูงลิบ 85 มาทุกปี

นี่เป็นคำถามเดียวกัน ทำไมทหารไทยรัฐประหารกี่ครั้ง ๆ ใช้อำนาจขึงขัง ไม่เคยปราบโกงสำเร็จ ซ้ำยังอื้อฉาวด้วยข่าวซื้ออาวุธ ตั้งแต่สมัย รสช. คมช. มาถึง คสช. ทหารเป็นเสียเอง GT200 เรือเหาะ รถถังยูเครน เรือดำน้ำจีน ฯลฯ เอื้อผลประโยชน์เอกชน ทั้งการประมูล ให้สิทธิสัมปทาน

เครือข่ายอุปถัมภ์ในสังคมไทยนั้นเหนียวแน่น ความสัมพันธ์เชิงอำนาจก็ซับซ้อน มีทั้งมือที่มองเห็นและมองไม่เห็น อำนาจเผด็จการอยู่บนผลประโยชน์ร่วมกันของรัฐราชการ และ elite ชนชั้นนำ ซึ่งไม่ได้หมายถึงใครคนเดียว แต่เป็นเครือข่ายปรสิตที่ฝังรากลึกมาหลายสิบปี

ปัดโธ่ ดูง่าย ๆ ประยุทธ์ปราบลอตเตอรี่แพงมา 8 ปี ไม่สำเร็จ มีเผด็จการประเทศไหนกระจอกขนาดนี้ ทีคนเรียกร้องประชาธิปไตย ยัดข้อหาได้เป็นสิบ ๆ คดี

สิงคโปร์ต่างจากไทยในหลายเงื่อนไข เป็นประเทศเกิดใหม่ มีหลายเชื้อชาติศาสนา ต้องผนึกกันใต้ลีกวนยูเพื่อเอาตัวรอด แม้ลิดรอนสิทธิเสรีภาพ แต่ก็เปิดประเทศรับการลงทุนการแข่งขัน

เวียดนามสร้างประเทศใหม่ จากการต่อสู้เพื่ออิสรภาพ-รวมชาติ เมื่อสี่สิบกว่าปีนี้เอง จึงเอื้อต่อการรวมศูนย์อำนาจ จำกัดสิทธิเสรีภาพ (แต่นานไปก็จะมีแรงต้านมากขึ้น) พรรคคอมมิวนิสต์ไม่ใช่ไม่มีคอร์รัปชั่น หลังเปิดประเทศทางเศรษฐกิจ ทั้งจีน เวียดนาม ก็ทุจริตเกร่อ แต่เป็นทุจริตแบบที่พรรคคอมมิวนิสต์ยังรวมศูนย์อำนาจได้ เดี๋ยว ๆ ก็หลับตาข้างหนึ่งให้เศรษฐกิจโต เดี๋ยว ๆ ก็ปราบใหญ่ แบบให้สี จิ้นผิงเป็นพระเอก

คนไทยตามัวมักอยากเห็นประเทศไทยเป็นเผด็จการแล้วเจริญแบบจีน เวียดนาม สิงคโปร์ ไม่ตระหนักว่าเงื่อนไขหลายอย่างต่างกัน ประเทศเหล่านั้นมีปัจจัยบวกเฉพาะหน้า รัฐไทยยิ่งเผด็จการยิ่งถอยหลัง ยิ่งเพิ่มอำนาจเจ้าหน้าที่ ยิ่งเอื้อคอร์รัปชั่น เพราะเครือข่ายอุปถัมภ์โยงใยไปหมด

รัฐไทยยิ่งปราบโกงยิ่งขยายหน่วยงานใหญ่โต ป.ป.ช. ป.ป.ท. ศาลทุจริต กฎหมายยิ่งเข้ม โทษหนัก แล้วเป็นไง ทุจริตยิ่งหนัก ข้าราชการแบ่งเป็นสองพวก คือพวกกลัวความผิดก็เคร่งครัดกฎระเบียบจนงานไม่เดิน พวกเขี้ยวลากก็รู้ช่องทางเส้นสายหลีกเลี่ยงได้สบาย

สถานการณ์ช่วงนี้ยิ่งเลวร้าย รัฐประหารสืบทอดอำนาจกวาดต้อนนักการเมืองมาค้ำประยุทธ์ ในปีสุดท้ายที่ความนิยมเสื่อม อำนาจระส่ำระสาย ประยุทธ์เพียงยื้ออยู่เพื่อลงจากอำนาจโดยปลอดภัย พรรคร่วมรัฐบาลจะยิ่งไม่มีใครเกรงใจ เป็นโอกาสที่จะใช้อำนาจเพื่อสะสมกระสุนไว้เลือกตั้งครั้งหน้า ซึ่งแทบทุกพรรคจะเอาชนะตามคำพูดปารีณา ใครซื้อ (ใจ) เก่งกว่า

พูดอย่างนี้อาจกลายเป็นว่า ยิ่งเลือกตั้งยิ่งทุจริต แต่เราไม่ได้อยู่ในระบอบประชาธิปไตยจริง เป็นแค่ประชาธิปไตยปลอมเพื่อค้ำอำนาจ จำกัดสิทธิเสรีภาพไม่ให้ไล่รัฐบาลไม่ให้แก้รัฐธรรมนูญ

ประเทศไทยจะปราบโกง ต้องเดินหน้าสู่ประชาธิปไตย ที่ไม่ใช่แค่การเลือกตั้ง แต่ต้องรื้อโครงสร้างอำนาจรื้อระบบอุปถัมภ์

Back to top button