หุ้น-สมคบคิดลูบคมตลาดทุน

วงการหุ้นกับทฤษฎีสมคบคิดเป็นเรื่องปกติไปแล้ว


ธนะชัย ณ นคร

 

วงการหุ้นกับทฤษฎีสมคบคิดเป็นเรื่องปกติไปแล้ว

เข้าใจว่าน่าจะมีตลาดหุ้นในหลายประเทศมีการใช้วิธีการนี้ รวมถึงของประเทศไทยด้วย

แต่อย่างว่าล่ะ เรื่องแบบนี้บางทีก็รู้กันอยู่ว่ากลุ่มนักลงทุนที่สุมหัว หรือ “ใคร” กับ “ใคร”สมคบคิดกันอยู่ ก็ไม่รู้ว่าจับกันไม่ได้ไล่กันไม่ค่อยจะทันหรือว่าเอาหูไปนาเอาตาไปไร่

เช่น สมมุติว่า มีหุ้นไอพีโอตัวหนึ่งได้เข้าซื้อ-ขาย

แล้วหุ้นตัวนี้วันแรกที่ซื้อขายหรือเทรด ราคาอาจหลุดจอง หรือราคาก็ยังเหนือจองได้อยู่

แต่พอวันถัดๆ มา ราคาเกิดหลุดจองซะอย่างนั้น ทั้งๆ ที่พื้นฐานอะไรต่างๆ ยังไม่ถูกจัดว่าเป็นลูกเป็ดขี้เหร่

คืออย่างนี้ เจ้าของอาจเกิดเสียดายไง มูลค่าหุ้นตัวเองปรับลง ก็ต้องมานั่งคิด นอนคิดว่า หากไม่ทำอะไรซักอย่าง หรือปล่อยไปแบบนี้ได้ฉิบหายกันแน่ๆ

ไอเดียเลวๆ จึงบังเกิดขึ้น

เจ้าของบริษัทก็อาจจะไปสมคบคิดกับนักลงทุนบางกลุ่ม หรือบางคน แล้วบอกว่า ให้ช่วย “ทำ (ราคา) หุ้น” ให้หน่อยสิ

นักลงทุนกลุ่มนั้นๆ หรือคนนั้นๆ ก็อาจจะรับปากไปเดี๋ยว “จัดให้”

ส่วนผลประโยชน์แลกเปลี่ยนอะไรกัน ก็แล้วแต่ว่ากันไป

เช่น เจ้าของอาจเสนอว่า ฉันอยากให้หุ้น…ตัวนี้!! ราคาขึ้นมาเท่านี้…!! และเมื่อคุณทำหุ้นมาจนถึงราคาเป้าหมายที่ตกลงกันไว้แล้ว ก็อาจจะ “ตัดล็อต” หุ้นให้

เช่นตกลงราคาเป้าหมายไว้กันที่ 12 บาทแล้วกัน

หุ้นราคาไอพีโอโอ 10 บาท วันแรกอาจปิดเหนือจองได้ แต่พอวันถัดๆ มาราคาต่ำกว่าจองหรือไอพีโอ สมมุติมาอยู่แถวๆ ซัก 7 บาทแล้วกัน

ราคาเป้าหมายอาจตกลงกันไว้ 12 บาท

แต่ทำราคาหุ้นขึ้นมาได้พอดีเป้าหรือ เกินเป้าจากที่ตกลงกันไว้ เช่น มาถึงที่แถวๆ 14-15 บาท

เจ้าของก็จะตัดล็อตหุ้นให้ ซึ่งอาจเป็นราคาที่ 12 บาท ตามที่ตกลงกันไว้

นี่ยกตัวอย่างให้อ่านกันเล่นๆ นะ

เพราะจากขาเม้าท์เขาเล่าลือกัน บางคนก็บอกว่า วิธีการแบบนี้มันมีเกิดขึ้นจริงๆ นะเหตุการณ์ยังอุ่นๆ อยู่เลย

แต่บางคนก็บอกว่า ไม่น่าหรอก นิทานอีสปหรือเปล่า

ทว่าหากเป็นจริงๆ แบบนี้แหละเขาเรียก “ทฤษฎีสมคบคิด” และเป็นกรณีที่เจ้าของอยากให้หุ้นตัวเองราคาขึ้นมาสูง โดยไปจ้างนักลงทุนที่มีศักยภาพมาเดินเกม

………………………………

ข้อสมมุติถัดมา แต่แบบมุมกลับกัน

นั่นคือ นักลงทุนกลุ่มหนึ่งหรืออาจเพียงคนเดียว อยากจะลากหุ้นที่ตัวเองเล็งไว้

ก็เดินไปหาเจ้าของบริษัทว่า ตัวเอง… เค้าจะลากราคาหุ้นตัวนี้ แบบนี้นะ ราคาจะขึ้นมาแบบนี้ๆ ฉะนั้น ในฐานะที่ตัวเองถือหุ้นใหญ่อยู่ มีหุ้นอยู่ในมือเยอะแยะ ตัวเองอย่างเพิ่งขายออกมานะ

แน่นอนล่ะ เพราะหากเจ้าของละโมบ แล้วรีบขายในช่วงราคาหุ้นกำลังถูกดัน

ราคาไปไม่ถึงเป้าหมายใช่ไหม

เจ้าของก็ต้องถือไปเรื่อยๆ หรือหากทนไม่ไหวจริงๆ เกิดอาการคัน ก็อาจขายผ่านบัญชีที่เป็นนอมินีของตนเองออกไป จะได้ไม่ต้องมีนักลงทุนคนไหนสงสัย

นี่ก็เป็นอีกตัวอย่างของการสมคบคิด

ว่ากันว่า หุ้นทุกตัวที่ถูกทำราคา มีความเป็นไปได้สูงมากที่ “เจ้าของ” ได้รับรู้ด้วย

ขณะเดียวกัน ก็มีความเป็นไปได้ต่ำมาก ที่เจ้าของบริษัทไม่รู้เรื่องจริงๆ

เจ้าของบริษัทบางคนเมื่อถูกถามเกี่ยวกับราคาหุ้นของบริษัทตนเองขึ้นมาแบบผิดปกติ ก็มักจะทำไขสือ แอ๊บแบ๊วตาใสไปเรื่อย แบบว่า…ก็ไม่รู้สินะ

การปั้นราคาหุ้นมีวิธีที่ลึกซึ้งจริงๆ

 

 

 

Back to top button