PTG ค่าตลาดหด…กำไรวูบ

ช่วงปลายปีที่แล้ว หุ้นบริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG ถูกกดดันอย่างหนัก เกิดปรากฏการณ์ขายมากกว่าซื้อ ส่งผลให้ราคาหุ้นสาละวันเตี้ยลงเรื่อย ๆ จากเมื่อก่อนเคยซื้อขายกันที่ 17–18 บาท ถึงวันนี้เหลือแค่ 14 บาทเศษ เพราะกังวลว่างบปี 2564 จะมีปัญหา..!?


ช่วงปลายปีที่แล้ว หุ้นบริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG ถูกกดดันอย่างหนัก เกิดปรากฏการณ์ขายมากกว่าซื้อ ส่งผลให้ราคาหุ้นสาละวันเตี้ยลงเรื่อย ๆ จากเมื่อก่อนเคยซื้อขายกันที่ 17–18 บาท ถึงวันนี้เหลือแค่ 14 บาทเศษ เพราะกังวลว่างบปี 2564 จะมีปัญหา..!?

รับผลกระทบจากนโยบายภาครัฐ ทั้งการปรับสูตรน้ำมันดีเซล ช็อตแรกเหลือแค่ B7 เพื่อลดการเติม B100 หวังตรึงราคาน้ำมันดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตร แต่ก็เอาไม่อยู่ ล่าสุดปรับอีกรอบเหลือแค่ B5 เท่านั้น บวกกับการปรับลดค่าการตลาด

กลายเป็นสองปัจจัยที่กดดัน PTG ทำให้ราคาหุ้นไม่ไปไหน…แม้จะมีแรงซื้อเข้ามาบ้าง แต่จะหนักไปทางขายซะมากกว่า…

แต่ตอนนี้ชัดเจนแล้ว สิ่งที่กังวลก่อนหน้านี้เกิดขึ้นจริง..!! เพราะงบไตรมาส 4/2564 ของ PTG มีตัวเลขขาดทุน 80 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 676 ล้านบาท

ที่จริงถ้าไปดูในแง่ของรายได้จากการขายและบริการก็โตดีนะ อยู่ที่ 37,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักมาจากรายได้จากธุรกิจน้ำมัน เพิ่มขึ้น 35.2% เนื่องจากราคาขายปลีกหน้าสถานีบริการเฉลี่ยอยู่ที่ 27.8 บาท เพิ่มขึ้น 37.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

ขณะที่มีรายได้จากธุรกิจนอนออยล์ 1,796 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 42.9%  จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

ส่วนเหตุของการขาดทุนครั้งนี้ หลัก ๆ มาจากค่าการตลาดที่หายไปกว่า 35% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากบริษัทไม่สามารถปรับราคาขายปลีกหน้าปั๊มให้เหมาะสมกับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นได้ เพราะต้องสนองนโยบายภาครัฐในการตรึงราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลไม่เกิน 30 บาทต่อลิตร

กลายเป็นว่า มาตรการภาครัฐอุ้มกลุ่มหนึ่ง…แต่ไปส่งผลเสียกับอีกกลุ่มหนึ่งซะงั้น…

ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นของ PTG จากเดิมเคยทำได้ 10.5% เหลือแค่ 5.5% เท่านั้น ในขณะที่มี EBITDA อยู่ที่ 960 ล้านบาท ลดลง 46.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มี EBITDA อยู่ที่ 1,806 ล้านบาท

จากมูลเหตุข้างต้น ทำให้งบทั้งปีของ PTG กำไรสุทธิเหลือแค่ 1,017 ล้านบาท ลดลง 46.7% จากปี 2563 ที่มีกำไรสุทธิ 1,906 ล้านบาท

เมื่อสิ่งที่กังวลไม่ได้เกินความคาดหมาย งบออกมาไม่ดีอย่างที่คาดการณ์เอาไว้ ก็ไม่มีอะไรให้ต้องกังวลกันอีกแล้ว

แต่จุดที่น่าสนใจ ไตรมาสแรกปีนี้ สถานการณ์ของ PTG น่าจะดีขึ้น เข้าสู่โหมดการฟื้นตัว จากค่าการกลั่นที่เริ่มกลับมา โดยมีการประเมินกันว่า การที่ ครม. มีมติเห็นชอบปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล ลงลิตรละ 3 บาท จากปัจจุบันจัดเก็บในอัตราลิตรละ 5.99 บาท เหลือ 2.99 บาทต่อลิตร เป็นเวลา 3 เดือน…จะทำให้ค่าการตลาดปรับตัวดีขึ้นประมาณ 0.50–1.00 บาทต่อลิตร ในช่วง 3–6 เดือน

นั่นจะทำให้จากเดิมค่าการตลาดเฉลี่ยอยู่ที่ 80–90 สตางค์ต่อลิตร อาจเพิ่มเป็น 2 บาทต่อลิตร…ซึ่งน่าจะทำให้งบในไตรมาส 1/2565 ของ PTG ดูดีขึ้นบ้างแหละน่า…

แต่ถ้าถามว่าหุ้น PTG พ้นจุดต่ำสุดแล้วหรือเปล่านั้น..?

อันนี้ก็ไม่รู้สินะ…

…อิ อิ อิ…

Back to top button