โลก 2 ขั้วในมิติใหม่

สงครามรัสเซียรุกรานยูเครนจบลงอย่างไร โลกก็ไม่เหมือนเดิม การเผชิญหน้าระหว่างโลกสองขั้ว มีแต่ยิ่งเพิ่มความตึงเครียด


สงครามรัสเซียรุกรานยูเครนจบลงอย่างไร โลกก็ไม่เหมือนเดิม การเผชิญหน้าระหว่างโลกสองขั้ว มีแต่ยิ่งเพิ่มความตึงเครียด ต่อให้เจรจาสงบศึกกันได้ คนในโลกเสรีประชาธิปไตยก็โกรธเกลียด ไม่ไว้วางใจระบอบปูติน ไม่ไว้วางใจผู้นำอำนาจนิยมทั้งหลาย ที่จะเป็นภัยต่อความสงบสุข

นี่ถ้ารัสเซียไม่มีอาวุธนิวเคลียร์ โลกตะวันตกและพันธมิตร คงร่วมมือกันเผด็จศึกปูตินไปแล้ว ไม่ทิ้งไว้เป็นภัยหรอก และไม่ใช่แค่การตัดสินใจของรัฐบาลประเทศนั้น ๆ หากเป็นฉันทามติประชาชนส่วนใหญ่ ซึ่งเห็นว่าปูตินเป็นมารร้าย เป็นตัวอันตราย ถ้ากำจัดเสียได้ยิ่งดี

อย่าอ้างว่าคนหลงเชื่อสื่อตะวันตก อเมริกาปลุกปั่น ฯลฯ ประเทศใหญ่รุกรานประเทศเพื่อนบ้าน ทำสงครามตามอำเภอใจ ทำให้ประชาชนยูเครนต้องอพยพบาดเจ็บล้มตาย มองอย่างไรก็เป็นผู้ร้าย 

ความที่รัสเซียมีนิวเคลียร์ ทำให้โลกตะวันตกไม่กล้าขยายสงคราม ทำได้แค่การบอยคอต และถึงจุดหนึ่งต้องเจรจา แต่ถ้าดูข้อเรียกร้องรัสเซีย ในขั้นนี้ก็เจรจายาก เพราะบังคับยูเครนเปลี่ยนรัฐธรรมนูญ ให้ยอมรับการแบ่งแยกดินแดน ให้ยอมรับการฮุบไครเมีย ทำราวกับยูเครนเป็นเมืองขึ้นรัสเซีย ไม่ใช่รัฐเอกราช

แต่สงครามยิ่งยืดเยื้อ รัสเซียยิ่งลำบาก ยิ่งแข็งกร้าวเศรษฐกิจยิ่งวิบัติ แม้กองเชียร์ปูตินปากแข็งอ้างว่าบอยคอตไปก็ไม่เดือดร้อน ถ้าเจรจาไม่สำเร็จ การบอยคอตก็ไม่ยุติลงง่าย ๆ แม้เศรษฐกิจโลกปั่นป่วน ใครเสียหายมากกว่าก็รู้แก่ใจ

สถานการณ์เฉพาะหน้าไม่จบง่าย มองยาวไปก็ตึงเครียด เพราะต่อให้ลดเลิกบอยคอต ก็ไม่มีใครไว้วางใจอยากทำมาค้าขายกับรัสเซีย ความไม่พอใจนั้นไม่ใช่เฉพาะรัฐบาล แต่เป็นปฏิกิริยาของประชาชนในประเทศเสรีประชาธิปไตย ซึ่งเห็นได้จากการบริจาคเงินช่วยยูเครน ช่วยจองห้องพัก Airbnb หรือกระทั่งสมัครไปช่วยรบ

ถามว่าในอนาคตถ้าสงบศึก เลิกบอยคอต รัสเซียเปิดประเทศให้ท่องเที่ยว คนในประเทศเสรีประชาธิปไตยอยากไปเที่ยวไหม อยากอุดหนุนสินค้ารัสเซียไหม เว้นแต่จำเป็นต้องใช้แก๊สใช้น้ำมัน

นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มองสถานการณ์โลกเป็นเกมของมหาอำนาจ ไม่ให้ความสำคัญกับเจตจำนงหรือความคิดเห็นประชาชน บ้างก็มองประชาชนเป็นเหยื่อ ถูกจูงจมูก ทั้งที่โลกปัจจุบันข้อมูลข่าวสารเปิดกว้าง คนทั้งโลกเชื่อมต่อถึงกัน เว้นแต่บางประเทศปิดกั้น อย่างจีน รัสเซีย

สงครามรัสเซียบุกยูเครน ซึ่งรัฐบาลและประชาชนยูเครนฟ้องโลกผ่านเฟซบุ๊ก ยูทูบ IG TikTok ไม่เพียงทำให้คนทั้งโลกโกรธ ประณาม คนชั้นกลางในประเทศเสรีประชาธิปไตย ที่กำลังมองไปข้างหน้า ถึงชีวิตที่ดีกว่าหลังโควิด ถึงโลกที่กำลังจะพัฒนาเทคโนโลยี ยกระดับบริการ คุณภาพชีวิต ฯลฯ ก็มองว่าปูตินกำลังทำลายโลกของตน

ปูตินทำลายระเบียบโลก ทำลายความสงบ ทำให้โลกสั่นคลอน เป็นความผิดที่อภัยให้ไม่ได้ ไม่ว่าจะเจรจาสงบศึกอย่างไร กระแสแอนตี้ปูตินก็ไม่จบ ไม่ใช่แค่โลกตะวันตก คนรัสเซียจำนวนหนึ่งก็ไม่พอใจ

ธุรกิจยักษ์ใหญ่ที่บอยคอตรัสเซียไม่ใช่แค่ทำตามใบสั่งรัฐ แต่ยังมีเหตุผลทางการตลาด เพราะผู้บริโภคโกรธเกลียดปูตินมาก ปัจเจกชน ดารานักร้อง นักฟุตบอล ก็แสดงออกอย่างไม่เคยมีมาก่อน นี่คือความไม่พอใจที่มาจากประชาชน

มติ UN 141 ประเทศประณามรัสเซีย ก็เป็นปรากฏการณ์ใหม่ เพิ่มความสำคัญของประเทศขนาดกลางขนาดเล็กในเวทีโลก ประเทศเหล่านี้ไม่ได้ถูกใครจูงจมูก แต่ตระหนักว่าถ้าไม่ร่วมมือกันก็ถูกประเทศใหญ่รุกรานได้

มีแต่คนมืดบอดเท่านั้นที่มองว่าโลกปัจจุบันอยู่ใต้บงการ 3 มหาอำนาจ อเมริกา จีน รัสเซีย ไม่มองว่าประเทศอื่น ๆ ก็หวังรวมตัวสร้างอำนาจต่อรอง ไม่มองว่าประชาชนที่รักสันติ รักเสรีภาพ เป็นพลังสำคัญในโลกปัจจุบันที่เชื่อมถึงกันด้วย Wi-Fi

ซึ่งทำให้ปูตินพ่ายแพ้ทางการเมือง ไม่ได้แพ้ยูเครน ไม่ได้แพ้อเมริกา แต่แพ้ฉันทามติของประชาคมโลก

Back to top button