ตั้งลำสู้

*ทันทีที่ “โมนิก้า” เห็นแรงซื้อเข้ามาพยุงดัชนีตั้งแต่เช้ายันเย็นก็รู้ได้ทันทีว่า สถานการณ์ต่อจากนี้จะเป็นการตั้งลำสู้ โดยมีฐานแนวรับบริเวณ 1,580 จุดเป็นปราการด่านสุดท้าย จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่วานนี้มีคนเข้ามาช้อนหุ้นตลอดเวลา เพราะเที่ยวก่อนก็เห็นกันชัด ๆ ว่า ความเสี่ยงจากการลงทุนบริเวณดังกล่าวต่ำมาก ส่งผลให้ทุกคนกล้าเปิดเกมรุกเมื่อสบช่องได้โอกาสงาม ๆ ไงล่ะคะ


*ทันทีที่ “โมนิก้า” เห็นแรงซื้อเข้ามาพยุงดัชนีตั้งแต่เช้ายันเย็นก็รู้ได้ทันทีว่า สถานการณ์ต่อจากนี้จะเป็นการตั้งลำสู้ โดยมีฐานแนวรับบริเวณ 1,580 จุดเป็นปราการด่านสุดท้าย จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่วานนี้มีคนเข้ามาช้อนหุ้นตลอดเวลา เพราะเที่ยวก่อนก็เห็นกันชัด ๆ ว่า ความเสี่ยงจากการลงทุนบริเวณดังกล่าวต่ำมาก ส่งผลให้ทุกคนกล้าเปิดเกมรุกเมื่อสบช่องได้โอกาสงาม ๆ ไงล่ะคะ

*วันนี้ถึงกล้าบอกอย่างเต็มปากเต็มคำว่า การที่ดัชนียืนปิดที่ระดับ 1,603.03 จุด บวกไปแค่ 2.97 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 6.32 หมื่นล้านบาท ไม่ใช่เรื่องที่เสียหายแต่อย่างใด! เพราะทุกคนพอรู้เลา ๆ ว่า ตลาดหุ้นไทยจะผันผวนอีกนาน จึงต้องหันมาเล่นสั้นเพื่อความคล่องตัวในการลงทุน ภาพของการลงทุนถึงออกไปในแนวอึดอัดใจพอสมควร แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาสำหรับขาลุยที่อยู่คู่กับตลาดหุ้นไทยเป็นเวลาหลายปีนะจะบอกให้

*คล้ายกับสถานการณ์ของหุ้น ADVANC ทำท่าจะไปไม่รอดหลายครั้ง แต่สุดท้ายก็เด้งขึ้นเมื่อมาถึงแนวรับ “โมนิก้า” ถึงอยากให้แฟนคลับประเมินการยืนปิดที่ระดับ 209 บาท บวกไป 2 บาท หรือขึ้นไป 1% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 833 ล้านบาท โดยจุดเด้งกลับครั้งก่อนอยู่แถว 204 บาท มันเป็นช็อตที่นักเล่นต้องตามไปดูหรือเปล่า? รวมทั้งความเสี่ยงในการลงทุนมีมากขนาดไหน? เมื่อเทียบกับ PE 24 เท่าเจ้าค่ะ

*ส่วนรายที่อยู่ในลักษณะลอยลำสุด ๆ และพยายามสร้างฐานใหม่ที่สูงกว่าเดิมอย่างหุ้น IVL กลายเป็นช็อตที่น่าสนใจสำหรับพวกแวลู อินเวสเตอร์โดยตรง เพราะการยืนปิดที่ระดับ 51.25 บาท บวกไป 1.75 บาท หรือขึ้นไป 3.55% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.71 พันล้านบาท คือการเทรดบน PE 8 เท่า ซึ่งเป็นระดับที่มีความเสี่ยงในการลงทุนต่ำสุด ๆ และถ้ารวมกับราคาเป้าหมายที่ให้ไว้แถว 60 บาท ยิ่งทำให้หุ้นน่าสนใจขึ้นเป็นกองนะจ๊ะ

*คล้ายกับหุ้นโรงหมออย่าง CHG ก็ถูกจัดอยู่ในประเภทน่าเล่นเช่นกัน และหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้หุ้นตัวนี้เฉิดฉายก็มาจากค่า PE 7 เท่า และอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่อยู่ในระดับ 5% รวมทั้งแนวโน้มกำไรก็อยู่ในทิศทางขาขึ้น วานนี้ถึงเห็นหุ้นขยับขึ้นมาอีกหนึ่งสเต็ป ก่อนจะปิดไปที่ระดับ 3.80 บาท บวกไป 0.06 บาท หรือขึ้นไป 1.60% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 355 ล้านบาทแบบชิล ๆ ไงล่ะคะ

*สำหรับรายที่ต้องลุ้นหนักอย่างหุ้น STA ถือเป็นช็อตที่น่าคิดในมุมของการย่อตัวลงมารอบใหม่ เพราะเที่ยวก่อนลงมาตั้งลำที่ฐานเดิมบริเวณ 20.60 บาท ต่อจากนั้นเด้งขึ้นไปแถว 25 บาท ขณะที่ล่าสุดลงมายืนปิดที่ระดับ 21.70 บาท ลบไป 0.10 บาท หรือลงไป 0.45% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 107 ล้านบาท จึงกลายเป็นเกมที่น่าตื่นเต้นขึ้นมาทันที เพราะวันนี้ต้องลุ้นตัวเลขกำไรไตรมาส 2 จะออกมาสวยขนาดไหนน่ะซี

*เฉกเช่นเดียวหุ้นปลากระป๋อง TU ก็ทำผลงานได้ค่อนข้างดี และน่าจะดีขึ้นอีกในอนาคต หลังเปิดตัวพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจมากมาย ซึ่งน่าจะต่อยอดกำไรของบริษัทได้อย่างโดดเด่น “โมนิก้า” จึงรู้สึกแปลกใจที่เห็นราคาหุ้นยืนซึมที่บริเวณ 16-17 บาทเป็นเวลาร่วม 3 เดือน และเกิดคำถามขึ้นมาในใจว่า การขยับตัวขึ้นมาปิดที่ระดับ 17.40 บาท บวกไป 0.40 บาท หรือขึ้นไป 2.35% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 532 ล้านบาท คือสัญญาณการขยับตัวรอบใหม่ใช่อะป่าว..ลองไปคิดกันดูนะจ๊ะ

*ส่วนใครที่ชอบแนวเก็งกำไรแบบสุดซอย คงต้องมองไปที่หุ้นน้ำมันปาล์มอย่าง CPI เป็นลำดับแรก เพราะการทะยานขึ้นมาปิดที่ระดับ 4.92 บาท บวกไป 0.52 บาท หรือขึ้นไป 11.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 205 ล้านบาท ทำให้เชื่อว่า ไม่ได้มาเล่น ๆ เนื่องจากหุ้นฟอร์มตัวมาตั้งแต่ต้นปี แถมระหว่างทางยังมีการเขย่าหุ้นเป็นระยะ จนทิศทางของหุ้นอยู่ในลักษณะไซด์เวย์อัพ เดี๊ยนเลยต้องถามว่า PE 7 เท่ามีส่วนช่วยให้หุ้นวิ่งแรงได้ไหมเจ้าค่ะ

*ในเมื่อมีเรื่องต้องคิดกันทั้งที “โมนิก้า” คงต้องมองมาที่หุ้นเหมืองบิตคอยน์อย่างเช่น UPA กันสักหน่อย เพราะการไหลลงมาเรื่อย ๆ ของราคาหุ้นเป็นเวลา 2 เดือนนิด ๆ มันสอดคล้องกับราคาบิตคอยน์ที่ร่วงเป็นนกปีกหัก ผนวกกับวานนี้โดนสาดหุ้นออกมาอีกรอบ จนราคาหุ้นลงมาปิดที่ระดับ 0.35 บาท ลบไป 0.03 บาท หรือลงไป 7.90% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 138 ล้านบาท เหมือนเป็นการส่งสัญญาณจบเกมแล้วนะนายจ๋า!

Back to top button