เกมการเงินพลิกขั้ว?

สถานการณ์ของ “ตลาดเงิน ตลาดทุน” ในช่วง 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมามีสตอรี่ที่น่าสนใจมากมายหลายเรื่อง


*สถานการณ์ของ “ตลาดเงิน ตลาดทุน” ในช่วง 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมามีสตอรี่ที่น่าสนใจมากมายหลายเรื่องอาทิเช่น ภาวะเศรษฐกิจอเมริกา ปัญหาสงครามที่ยืดเยื้อ ราคาน้ำมันโลกที่อยู่ในระดับสูง หรือแม้กระทั่งการเร่งขึ้นดอกเบี้ยของแต่ละประเทศ เพื่อสกัดปัญหาเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้น “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องที่หลายคนสามารถปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ได้ในระดับหนึ่ง ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าชื่นชมเป็นอย่างยิ่งนะคะ

*ประกอบข้อมูลในประเทศไทยที่ชี้ให้เห็นว่า ยอดขายรถในประเทศช่วง 6 เดือนแรกของปี 65 โตขึ้น 15% น่าจะเป็นการสะท้อนภาพกำลังซื้อยังมีอยู่พอสมควร หรือแม้กระทั่งเรื่องจำนวนผู้โดยสารในระบบขนส่งสาธารณะประเภทต่าง ๆ ก็เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ (รถบนถนนยังเยอะเหมือนเดิม) จึงเหมือนเป็นการย้ำหัวหมุดให้ทุกคนได้เห็นว่า หลายอย่างไม่ได้แย่ลงกว่าเดิมสักเท่าไหร่นะจะบอกให้

*ประเด็นข้างต้นทำให้ “โมนิก้า” เชื่อว่า สถานการณ์ต่อจากนี้ไม่มีอะไรน่ากลัวชนิดขนหัวลุก เพราะธุรกิจท่องเที่ยวกำลังกลับมาเป็นเรือธงของประเทศไทย ซึ่งจะช่วยเติมเม็ดเงินเข้ามาในระบบเศรษฐกิจอย่างมีนัยสำคัญ เดี๊ยนถึงมั่นใจว่า การอ่อนตัวของดัชนีลงมาปิดที่ระดับ 1,586.18 จุด ลบไป 8.29 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.55 หมื่นล้านบาท น่าจะเป็นโอกาสของการลงทุนรอบใหม่..จริงหรือไม่ ลองไปคิดกันนะจ๊ะ

*นอกจากจุดที่น่าสนใจของเรื่องราวที่เกริ่นให้ฟังแล้ว ยังมีเรื่องการพลิกขั้วอำนาจทางการเงินโลก ก็เป็นเรื่องที่ทุกคนต้องเตรียมตัวรับแรงกระแทกไว้บ้าง เพราะการก่อตั้งระบบการเงินของกลุ่มประเทศที่เรียกตัวเองว่า BRICS (บราซิล รัสเซีย อินเดีย จีน และแอฟริกาใต้) พร้อมกับหนุนให้เป็นตัวหลักในการซื้อขายภายในกลุ่ม (ล่าสุดได้ซาอุฯ เข้ามาเป็นพวกเพิ่มอีก) จากเดิมที่ต้องอ้างอิงการซื้อขายด้วยดอลลาร์ จึงกลายเป็นเกมที่ท้าทายอำนาจโลกฝั่งตะวันตกอย่าง “อเมริกา” กับ “อียู” เต็ม ๆ นะจ๊ะ

*ยิ่งมีประเด็นข่าวออกมาว่า “ตุรเคีย” ไม่ขวาง “ฟินแลนด์” กับ “สวีเดน” เข้าร่วมนาโต้ ยิ่งเป็นการโหมไฟสงครามให้แรงขึ้นกว่าเดิม “โมนิก้า” ถึงเกิดอาการหวาดระแวงขึ้นมาอีกครั้ง และเป็นห่วงประเทศไทยจะต้านทานสิ่งที่เกิดขึ้นได้นานแค่ไหน? ซึ่งเหมือนกับหุ้นหลายตัวที่โดนขายแบบงง ๆ จึงต้องมาไล่เรียงไทม์ไลน์ของสถานการณ์ก่อนหน้านี้ และต่อจากนี้จะเป็นเช่นไรไงล่ะคะ

*เหมือนกับสถานการณ์ของ ADVANC ก็กลายเป็นหุ้นโดนทุบลงมาดื้อ ๆ จนราคาหุ้นมาต่ำกว่า 200 บาท ก่อนจะปิดไปที่ระดับ 199 บาท ลบไป 5 บาท หรือลงไป 2.45% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.12 พันล้านบาท มันเป็นเกมที่อธิบายยากเหลือเกินในมุมของโมเมนตัมที่เปลี่ยนเร็วมาก แต่ถ้ามองในมุมของสถานการณ์รอบด้านที่พลิกร้ายในชั่วข้ามคืน ก็เป็นเรื่องที่พอจะเข้าใจได้นะคะ

*แตกต่างจากสถานการณ์ของหุ้นโรงหมอ THG เพราะรายนี้หมดสตอรี่โตกระหึ่มเหมือนปีก่อน และต่อจากนี้จะเทรดบนพื้นฐานความเป็นจริงมากขึ้น “โมนิก้า” ถึงอยากให้แฟนคลับประเมินการยืนปิดของหุ้นที่ระดับ 60 บาท ลบไป 2 บาท หรือลงไป 3.20% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 529 ล้านบาท ท่ามกลาง PE 25 เท่าในภาวะรอบด้านขมุกขมัวแบบนี้ มันเป็นจุดที่น่าช้อนหุ้นไว้เก็งกำไรอ๊ะป่าว?

*ส่วนคนที่ชอบหุ้นซิ่งต้องเหลือบมองไปที่หุ้น SUSCO เป็นรายถัดไปในทันที เพราะการไล่ราคาหุ้นขึ้นไปถึงระดับ 4.06 บาท แต่สุดท้ายโดนสาดใส่จนราคาหุ้นลงมายืนปิดที่ 3.76 บาท บวกไป 0.14 บาท หรือขึ้นไป 3.90% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 340 ล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นเกมที่นักเล่นต้องเผื่อใจไว้เยอะ ๆ เพราะไฟต์นี้อาจเล่นไม่ยาวเหมือนที่ลือกันให้แซ่ด แถมเกมก่อนหน้านี้ก็เลิกเล่นบริเวณ 4.10 บาท จึงเดาเกมไม่ออกเหมือนกันว่า เล่นต่อไหม?

*สำหรับรายที่สุดจัดเกินจะบรรยาย “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้น SELIC เพื่อชี้ให้เห็นการวิ่งแรงต่อเนื่อง 3 วันติด โดย 2 วันที่ผ่านมาก็เปิดกระโดดเสียด้วย ก็เป็นเกมที่บอกให้ทุกคนได้รู้ว่า เจ้ามือเก่ง! ถึงทำให้หุ้นเดินหน้าบวกอย่างสวยงาม แถมคนในขบวนก็ไม่แตกแถว วานนี้จึงเห็นหุ้นยืนปิดที่ระดับ 4.56 บาท บวกไป 0.52 บาท หรือขึ้นไป 12.85% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.31 พันล้านบาทแบบสวยงาม..ส่วนวันนี้จะสวยไหม? คงต้องดูกันเอาเองจ้า!

Back to top button