พาราสาวะถี

ถ้าคนไม่อย่างหนาจริงคงไม่กล้าที่จะบอกนักข่าวว่า “เคยมีใครคิดบ้างไหมล่ะแบบนี้ เรียนรู้กันเสียด้วยนะจ๊ะ”


ถ้าคนไม่อย่างหนาจริงคงไม่กล้าที่จะบอกนักข่าวว่า “เคยมีใครคิดบ้างไหมล่ะแบบนี้ เรียนรู้กันเสียด้วยนะจ๊ะ” ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจตอกย้ำกลยุทธ์ 3 แกนหลักคือเครื่องมือสำคัญที่รัฐบาลของตัวเองทำมากว่า 8 ปี และทำให้แก้ไขปัญหาให้ประชาชนได้สารพัด คงมีแต่พวกหลับหูหลับตาเชียร์หรือเลียอุ้งตีนเผด็จการเท่านั้นที่จะเชื่อ มิหนำซ้ำ ยังมีหน้ามาคุยฟุ้งอีกว่า มีอีกหลายอย่างที่ได้ทำแต่ยังไม่ได้พูดถึง โถ! พ่อคุณมีหรือถ้าอะไรที่สำเร็จแล้วจะไม่เอามาคุยโม้โอ้อวด

เหมือนอย่างกรณีที่สามารถรับมือกับการระบาดของโควิด-19 ในระลอกแรกที่เที่ยวโพนทะนาไปทั่วว่าเป็นที่ยอมรับของทั่วโลก พอเจอระลอกสองสามสี่เข้าไป จนเกิดวิกฤตการณ์บริหารวัคซีนไม่ทันสถานการณ์ ถึงกับหงอไปกันไม่เป็น เพิ่งมาโงหัวขึ้นหลังจากที่วัคซีนซึ่งประเทศอื่น ๆ เขาฉีดกันนำหน้าประเทศไทยไปแล้ว และโรคเริ่มลดความรุนแรงลงนี่แหละถึงกลับมาคุยโวอีกรอบ แต่นั่นไม่สำคัญเท่าความสาหัสสากรรจ์ของต้นทุนชีวิตของประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศที่กำลังเผชิญอยู่เวลานี้ ไม่มีทีท่าว่าจะมีปัญญาแก้ไขกันให้ดีขึ้นได้อย่างไร

ดังนั้น เรื่องกลยุทธ์ 3 แกนหลัก จึงไม่ใช่ว่าใครเขียนยัดมือให้ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจนำมาพล่าม พร้อมกับเสียงดูแคลนว่าไม่รู้จริง ไม่เข้าใจสภาพปัญหาที่กำลังเผชิญ หากแต่ประชาชนไม่มีใครฟัง และไม่เชื่อถือในตัวของคนที่พูดและขบวนการสืบทอดอำนาจกันอีกแล้ว มันไม่เป็นจริงมาตั้งแต่เราจะทำตามสัญญา ขอเวลาอีกไม่นาน ที่อุตส่าห์ทำไอโอว่าเป็นเพลงที่แต่งเอง ใช้สมอง สติปัญญาทำให้คนร้องติดปากกันได้ แต่สุดท้ายเมื่อไม่ได้ทำตามสัญญา รักษาสัจจะที่ได้ลั่นไปก็ทำให้เพลงนั้นหายไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

พูดให้ชัดกลยุทธ์ 3 แกนหลัก ไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน อ้างทุกอย่างสวยหรู เหมือนพวกเทคโนแครตขายฝัน แต่ไม่ได้อยู่บนโลกแห่งความเป็นจริง ไม่ได้ลืมตามามองดูว่าประชาชนเดือดร้อนกันไปทุกหย่อมหญ้า รอให้ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจที่เป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ โชว์วิสัยทัศน์ แสดงศักยภาพในการแก้วิกฤต ก็ไม่เห็นมีวี่แวว เท่ากับว่า ประชาชนไม่เชื่อถือ ยิ่งมีปรากฏการณ์ชัชชาติมาเป็นตัวเปรียบเทียบ อาการเบื่อหน่ายไม่อยากได้คนไร้ประสิทธิภาพจึงเริ่มชัดขึ้นเรื่อย ๆ

การเปลี่ยนสูตรคำนวณ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์จากหาร 100 มาเป็น 500 เป็นตัวชี้วัดที่ชัดเจน เหมือนอย่างที่บอกเดิมทีที่แก้ไขรัฐธรรมนูญให้มีเลือกตั้งด้วยบัตร 2 ใบ เพราะเชื่อมั่นว่าพรรคสืบทอดอำนาจมีกระแสนิยมชมชอบสูง เช่นเดียวกันกับผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจ จึงแก้ไขและแสดงความประสงค์มาตั้งแต่ต้นว่า ส.ส.บัญชีรายชื่อต้องหาร 100 แต่พอเจอกระแส ณ ปัจจุบัน ทำให้รู้ว่าตัวเองอยู่ในสถานะที่เป็นรอง และกลัวผีแลนด์สไลด์ จึงกลับลำสั่งให้แก้เป็นหาร 500 ไม่แยแสว่าใครจะมองเป็นพวกพฤติกรรมฉ้อฉล

พฤติกรรมที่มองผ่านการพลิกลิ้นสูตรหาร 500 ก็ไม่ต่างจากการที่ไม่ทำตามสัญญาขอเวลาอีกไม่นาน ซึ่งนี่เป็นวิธีการของพวกศรีธนญชัยทางกฎหมาย สิ่งที่คิดและทำกันตลอดระยะเวลากว่า 8 ปีที่ผ่านมา อ้างกติกา ยกกฎหมายมาเป็นเครื่องมือทำลายฝ่ายตรงข้าม แต่ตัวเองกลับไม่มีกติกา จะกลับไปกลับมาอย่างไรก็ได้ แต่มาวันนี้นักเลือกตั้งอาชีพต่างมองสถานการณ์ทางการเมืองออกว่า เลือกตั้งครั้งหน้าประชาชนจะกำหนดทิศทางทางการเมืองกันอย่างไร และจะลงโทษคนที่มองข้ามหัวเจ้าของอำนาจที่แท้จริงแบบไหน

การสั่งให้ 2 ส.ส.ของพรรคไปลาออกจากการเป็นกรรมการวิปรัฐบาลของ ธรรมนัส พรหมเผ่า ตามมาด้วยเจ้าตัวประกาศจากนี้ไปพรรคเศรษฐกิจไทยที่ตัวเองเป็นหัวหน้าพรรค เตรียมตัวจะไปทำงานร่วมกับฝ่ายค้านอย่างชัดเจน เพื่อผลประโยชน์ของประชาชน ถือเป็นการตอกย้ำกระแสความนิยมที่มีต่อตัวผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจและพวกที่ร่วมหัวจมท้ายได้เป็นอย่างดี ในฐานะคนที่ลงพื้นที่มาโดยตลอด ธรรมนัสย่อมรู้ดีว่าประชาชนต้องการอะไร

ไม่เพียงเท่านั้น ในขณะที่พรรคสืบทอดอำนาจยังไร้ความชัดเจนว่าจะสนับสนุนใครให้เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี วันนี้อาจยังชูชื่อของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจเพื่อไม่ให้เกิดการตอกลิ่มความขัดแย้งกับพี่ใหญ่แก๊ง 3 ป.ให้หนักข้อเข้าไปอีก แต่ในทางการเมืองยืนยันกันตรงทุกสายข่าว เมื่อถึงคราวเลือกตั้งจากที่เคยชงชื่อนายกฯ เพียงรายเดียว จะไม่เป็นเช่นนั้นอีกต่อไป จะมีรายชื่อที่สองหรืออาจมากกว่านั้นแน่นอน เพื่อหวังเป็นทางเลือกและซื้อใจให้ประชาชนหันกลับมาเลือกพรรคของตัวเองอีกรอบ

ขณะเดียวกัน ทางซีกเพื่อไทยหลังเจอสูตรหาร 500 มาสกัดแลนด์สไลด์ แต่ไม่ได้หวั่นไหวพร้อมวางหมากแก้เกมกันไว้หลายชั้น อีกด้านได้มีการเตรียมพร้อมทางการเมืองกันอย่างเต็มที่ขับเคลื่อนภายใต้ครอบครัวเพื่อไทย ช่วงนี้อาจหลีกทางให้การเตรียมศึกซักฟอก แต่ทาง ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทยก็ได้กางแผนงานข่มคู่แข่ง เดือนหน้าสิงหาคมจะขึ้นเหนือไปเชียงใหม่ หัวหน้าพรรค หัวหน้าครอบครัวนำทีมชุดใหญ่จัดเต็ม ทยอยเปิดนโยบายบางด้านก่อนประกาศหมัดเด็ดในช่วงเลือกตั้ง

หลังจากนั้นจะมีเวทีต่อเนื่องไปทุกภาค ส่วนงานภาคสนามก็มีการสร้างเครือข่าย ขยายแนวร่วมอย่างต่อเนื่อง โดยการขับเคลื่อนพลิกฟื้นกลุ่มคนเสื้อแดง ที่แกนนำไม่ว่าจะเป็น ก่อแก้ว พิกุลทอง วิภูแถลง พัฒนภูมิไทย ชินวัฒน์ หาบุญพาด อรรถชัย อนันตเมฆ วรชัย เหมะ พายัพ ปั้นเกตุ และอีกหลายคนได้สับเปลี่ยนกันไปพบปะแนวร่วมในพื้นที่ โดยมี วีระกานต์ มุสิกพงศ์ ธิดา ถาวรเศรษฐ นายแพทย์เหวง โตจิราการ ร่วมประเมินสถานการณ์ให้ข้อคิดเห็นในส่วนกลาง

ส่วนคนรุ่นใหม่ ภาคประชาสังคม ผู้บริหารธุรกิจ กลุ่มอาชีพต่าง ๆ ก็มีทีมงานสร้างช่องทางสื่อสาร พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็น รับฟังข้อเสนอแนะ โดยที่ “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยจะร่วมวงสนทนากลุ่มย่อยในบางโอกาส การเดินเกมเช่นนี้ก็เท่ากับว่าเพื่อไทยไม่หวั่นไหวต่อกติกาห้าร้อย และยังคงดำรงเป้าหมายแลนด์สไลด์ ด้วยมองเห็นว่าประชาชนสิ้นหวังกับผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจที่แก้ปัญหาไม่ได้ มิหนำซ้ำ ยังคิดแต่จะรักษาอำนาจ ปรากฏการณ์ชัชชาติจนถึงเลือกตั้งซ่อมลำปางเป็นตัวบ่งชี้ การขยับของธรรมนัสกับพวก จึงทำให้พรรคที่เป็นเห็บเกาะรัฐบาลเวลานี้เริ่มมองหาทางหนีทีไล่กันแล้ว

Back to top button