พาราสาวะถี

สถานการณ์ทางการเมือง ไม่ว่าชะตากรรมของผู้นำเผด็จการจะจบลงแบบไหน ได้ไปต่อหรือต้องม้วนเสื่อกลับบ้าน ไม่ได้เป็นปัจจัยสำคัญอีกต่อไปแล้ว


งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา แต่ภาระหน้าที่ในงานสำคัญด้านการข่าวฐานะกระบอกเสียงอิสระแห่งตลาดทุน หนังสือพิมพ์ “ข่าวหุ้นธุรกิจ” ที่เพิ่งผ่านการเฉลิมฉลองครบ 28 ปีไปเมื่อวันศุกร์ ก้าวเข้าสู่ปีที่ 29 คงต้องเดินหน้าปฏิบัติภารกิจที่อาสาเป็นตัวแทนของนักลงทุนในการรายงานความเคลื่อนไหวข่าวสารที่เป็นจริง ตรวจสอบสิ่งที่ไม่ชอบมาพากล เพื่อรักษาผลประโยชน์ของคนที่ต้องการความถูกต้อง ที่ผ่านมาถ้าบอกว่าดีแล้วเราก็จะทำให้ดีกว่าเดิม ส่วนข้อทักท้วงที่เป็นการติเพื่อก่อก็ยินดีที่จะรับแล้วนำไปปรับปรุงให้ดีขึ้น

สถานการณ์ทางการเมือง ไม่ว่าชะตากรรมของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจจะจบลงแบบไหน ได้ไปต่อหรือต้องม้วนเสื่อกลับบ้าน ไม่ได้เป็นปัจจัยสำคัญอีกต่อไปแล้ว เมื่อหัวหน้าพรรคการเมืองและนักการเมืองทั้งหลาย ต่างมองกันไปถึงการเลือกตั้งครั้งหน้า อันจะเห็นได้จากความไม่ลงรอยกันของสองพรรคร่วมรัฐบาลสำคัญถึงขนาดที่ อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยต้องลั่นวาจา “พรรคร่วมรัฐบาลไม่สนับสนุนกันเอง ใกล้เลือกตั้ง อะไรที่จะต้องเกรงใจอะไรกันก็ไม่ต้องเกรงใจ”

เป็นผลจากการถูกตีกลับร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง จากที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ชัดเจนว่า แม้จำนวนเสียงที่โหวตค้านรอบนี้จะมี ส.ส.ของพรรคสืบทอดอำนาจมากกว่าพรรคประชาธิปัตย์ แต่สิ่งที่เสี่ยหนูพูดนั้น จำเพาะเจาะจงไปยังพรรคเก่าแก่โดยตรง เพราะตัวตั้งตัวตีในการไม่ผ่านร่างกฎหมายหนนี้คือ สาทิตย์ วงศ์หนองเตย แกนนำสำคัญของพรรคที่เคยบอกว่ารักกันดี เป็นที่รู้กันว่าการปะฉะดะกันเช่นนี้ เป็นผลสืบเนื่องมาจากการช่วงชิงคะแนนเสียงภาคใต้ในการเลือกตั้งครั้งหน้านั่นเอง

ฟากพรรคเก่าแก่ จุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ หมายมั่นปั้นมือที่จะนำพาพรรคกลับมายิ่งใหญ่ในพื้นที่ปักษ์ใต้อีกหน แม้ว่าครั้งที่ผ่านมาจะถูกพรรคสืบทอดอำนาจแย่งเก้าอี้ไปถึง 18 ที่นั่ง และเสียให้กับพรรคของเสี่ยหนูอีก 8 ที่นั่ง แต่หนนี้ด้วยความที่พรรคแกนนำรัฐบาลเสียรังวัดจากผลงานที่ดันกันไม่ขึ้น ประกอบกับความนิยมชมชอบในตัวของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจก็ลดลงอย่างน่าใจหาย รวมไปถึงความไม่ลงรอยกันระหว่างพี่ใหญ่กับน้องเล็ก จึงทำให้เชื่อว่า ส.ส.ของพรรคแกนนำรัฐบาลโอกาสที่จะได้กลับมาเหลือน้อยเต็มที

ดังนั้น พรรคเก่าแก่จึงเล็งเห็นโอกาสที่จะเรียกคะแนนเสียงกลับคืนมา จะเห็นได้จากการประกาศความพร้อมในการเลือกตั้งตั้งแต่ไก่โห่ ซึ่งผิดวิสัยของพรรคที่ทุกอย่างต้องเป็นไปตามหลักการและกลไกของพรรค ทว่าเมื่อสแกนไปยังตัวคู่แข่งแล้วก็ปรากฏว่า พรรคภูมิใจไทยก็ไปทำการตลาด สร้างผลงานให้เป็นที่ถูกอกถูกใจคนภาคใต้ไว้ไม่น้อย โดยมีหัวเรือใหญ่อย่าง พิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีท่องเที่ยวและกีฬา ทำหน้าที่หัวหมู่ทะลวงฟัน และมี นาที รัชกิจประการ ผู้หญิงใจถึงคอยประสานงานในพื้นที่อย่างแข็งขัน

มันจึงทำให้หลายพื้นที่จากที่ประชาธิปัตย์คาดว่าจะคว้าชัยได้เก้าอี้ ส.ส.กลับคืนมา ต้องมาเจอกระดูกชิ้นโต ด้วยเหตุนี้เมื่อการเลือกตั้งถ้านับตามเวลาวาระของสภาเหลืออีกแค่ 6 เดือนต่อให้อยู่กันครบวาระ ทางการเมืองถือว่าเป็นห้วงเวลาที่สั้นมากสำหรับการเตรียมพร้อมสู้ศึกเลือกตั้ง จึงต้องเร่งกันสุดฤทธิ์ทั้งด้านตัวบุคคล สร้างกระแสในพื้นที่และดิสเครดิตฝ่ายตรงข้ามไปในตัว เรื่องกัญชาที่ชัดเจนว่าพรรคของเสี่ยหนูจะนำไปชูเป็นผลงานในการหาเสียงว่าพูดจริงทำได้ จึงถูกเตะตัดขากันเอาวินาทีสุดท้าย

แน่นอนว่า การผลักดันกันจนมาถึงตั้งคณะกรรมาธิการพิจารณาร่างกฎหมายกันแล้ว ภูมิใจไทยย่อมมีแนวร่วมที่ไม่ใช่นักการเมืองในสภา เมื่อเกิดเหตุการณ์หักหน้ากันแบบนี้ เราจึงได้เห็นแอ็คชั่นของกลุ่มต่าง ๆ ที่อยากให้กฎหมายนี้ผ่าน ออกมาเคลื่อนไหวเรียกร้องให้ฝ่ายที่ลงมติให้ถอนร่างกฎหมายกลับไปพิจารณา เร่งดำเนินการให้นำร่างกฎหมายกลับมาเข้าสู่วาระการประชุมของสภาโดยเร็ว เมื่อเป็นเช่นนั้นภาระหนักมันจึงตกไปอยู่กับพรรคสืบทอดอำนาจอย่างช่วยไม่ได้

ในฐานะพรรคแกนนำรัฐบาล และมีคนของพรรคเป็นประธานวิปรัฐบาล หากยังต้องการจะเดินกันไปด้วยความเรียบร้อย ก็ต้องเร่งรัดและการันตีกับทางพรรคภูมิใจไทยด้วยว่าจะไม่มีการยื้อร่างกฎหมายฉบับนี้จนหมดวาระของสภา แต่ดูเหมือนว่าเสี่ยหนูก็จะรู้ชะตากรรมดี ถึงขั้นประกาศว่าจะกลับมาเป็นรัฐมนตรีสาธารณสุขอีกเพื่อผลักดันร่างกฎหมายกัญชาให้สำเร็จ มั่นใจถึงขนาดนี้แสดงเลือกตั้งครั้งหน้าพรรคการเมืองนี้จะต้องได้ ส.ส.ชนิดที่พรรคไหนชนะเลือกตั้งมาต้องยอมตามคำเรียกร้อง

น่าจะเป็นเพียงการเรียกขวัญและกำลังใจให้กับลูกพรรคเสียมากกว่า การที่มีบรรดา ส.ส.ต่างพรรคได้ตกปากรับคำจะเปลี่ยนสีเสื้อมาร่วมชายคาภูมิใจไทยนั้น ก็ไม่ได้หมายความว่าเลือกตั้งครั้งหน้าคนเหล่านั้นจะแบเบอร์ ชนะเลือกตั้งแบบไร้คู่แข่ง เพราะเห็นการขยับของพรรคเพื่อไทยที่เวลานี้เดินสายกันไปแทบทุกภาคเน้นหนักทางเหนือและอีสาน ต้องบอกว่าไม่ธรรมดา การปรากฏตัวของ คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ ก็บ่งบอกชัดเจนงานนี้เอาจริง ใครที่ยังลังเลใจหรือพื้นที่ไหนมีปัญหาขัดขา เหยียบตาปลากันต้องสงบศึกทันที

หลายพื้นที่ทางภาคอีสานที่อนุทินและภูมิใจไทย โดยเฉพาะกุนซือคนสำคัญอย่าง เนวิน ชิดชอบ แสดงความเชื่อมั่นว่าจะแย่งชิงจากแชมป์เก่า บางจังหวัดมีการใช้พลังดูดคนของพรรคนายใหญ่มาร่วมงานด้วยนั้น บทเรียนจากการเลือกตั้งเมื่อปี 2554 มีให้เห็นแล้ว พวกที่ถูกตีตราว่าทรยศสอบตกกันเป็นแถว งานนี้อาจจะมั่นใจว่าเกือบ 4 ปีที่ผ่านมาได้สร้างถนนหนทาง ปูฐานเสียงกันไว้แน่นหนา โดยเฉพาะกับบรรดา อสม.ทั้งหลาย แต่อย่าลืมเป็นอันขาดการลงพื้นที่แต่ละครั้งที่เห็นคนมารับกันแน่นหนา ตะโกนให้กำลังใจนั้น มากันด้วยใจหรือด้วยอะไรกันแน่ คนที่ทำงานมวลชนรับใช้นายมาก่อนน่าจะรู้อยู่แก่ใจดี

ไม่เพียงแต่พรรคเพื่อไทยเท่านั้น ที่เป็นคู่แข่งสำคัญ พรรคสืบทอดอำนาจที่ดูเหมือนว่าไม่น่าจะยิ่งใหญ่เหมือนเลือกตั้งหนก่อน กับข่าวที่ว่าจะดึง ธรรมนัส พรหมเผ่า คืนถิ่นนั้น มันก็แค่โยนหินถามทาง หรือหยั่งเชิงเพื่อดูปฏิกิริยาของคนจากแต่ละสายในพรรคเท่านั้น เอาเข้าจริงผู้กองมันคือแป้งไม่มีวันจะหวนกลับไปพรรคเดิมแน่นอน ในฐานะคนใจถึงพึ่งได้ มือประสานสิบทิศ ให้คอยดูพรรคที่เจ้าตัวจะใช้สู้ศึกเลือกตั้งไม่ใช่เศรษฐกิจไทย ไม่ใช่พรรคสืบทอดอำนาจแน่ จะเป็นพรรคไหนอีกไม่นานจะได้รู้กัน

Back to top button