พาราสาวะถี

มันไม่มีทางเลือกอื่นเมื่อแนวโน้มของสถานการณ์โควิด-19 เป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น จนได้มีการประกาศลดระดับจากโรคติดต่ออันตรายมาเป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง


มันไม่มีทางเลือกอื่นเมื่อแนวโน้มของสถานการณ์โควิด-19 เป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น จนได้มีการประกาศลดระดับจากโรคติดต่ออันตรายมาเป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง มีผลตั้งแต่ 1 ตุลาคมนี้เป็นต้นไป ดังนั้น การประชุม ศบค.ชุดใหญ่เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ซึ่ง พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรีนั่งหัวโต๊ะในที่ประชุม จึงต้องเคาะยกเลิกการบังคับใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินที่จะสิ้นสุดในวันที่ 30 กันยายนนี้ และมีผลให้ต้องยุบ ศบค.ไปโดยปริยาย

คงไม่ใช่ปัญหาอะไร ในเมื่อที่ผ่านมาต่างก็ยอมรับกันแล้วว่า มาตรการต่าง ๆ รวมถึงการรับมือสถานการณ์การแพร่ระบาด ล้วนแต่ถูกเสนอและดำเนินการโดยบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขมาโดยตลอด ดังนั้น เพื่อไม่ให้ถูกครหาว่าเจตนาจะใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินเพื่อควบคุมการเคลื่อนไหวทางการเมือง โดยใช้โควิด-19 มาบังหน้า จึงถือเป็นไฟต์บังคับให้ต้องยกเลิก ที่ผ่านมาได้มีการต่ออายุการบังคับใช้มาแล้วถึง 19 หน

อย่างไรก็ตาม ที่มีการมองกันว่าการยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินโดยที่มีพี่ใหญ่แก๊ง 3 ป.เป็นประธานในการประชุมนั้น เหมือนเป็นสัญญาณบ่งชี้ไปถึงการวินิจฉัยปม 8 ปีนายกรัฐมนตรีของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจที่ศาลรัฐธรรมนูญนัดชี้ขาดในวันที่ 30 กันยายนนี้ในทำนองว่าจะไม่ได้ไปต่อหรือไม่ เพราะหากรอดได้กลับคืนสู่ทำเนียบรัฐบาล การไม่มี พ.ร.ก.ฉุกเฉินเป็นเครื่องมือสำคัญในการสกัดกลุ่มชุมนุมทางการเมืองนั้น มันจะสร้างแรงกดดันมหาศาลต่อรัฐบาล

คงผ่านการประเมินสถานการณ์กันมาแล้ว แม้ว่าจะรอดแต่ท่วงทำนองของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจหลังจากนี้จะเปลี่ยนไป จะทำหน้าที่แบบประคองตัวเองให้จบสิ้นการเป็นเจ้าภาพการประชุมเอเปคในเดือนพฤศจิกายนนี้เท่านั้น หลังจากนั้นก็ถูกคาดหมายว่าจะมีการยุบสภาเพื่อเลือกตั้งกันใหม่ โดยที่เจ้าตัวเลือกที่จะวางมือ อันถือเป็นการปิดฉากที่สง่างาม ขณะเดียวกัน การไม่ต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉินอันเป็นช่องให้ม็อบสารพัดชุมนุมกันได้สะดวกมากขึ้นนั้น จะเป็นแผนขุดบ่อล่อปลาหรือไม่

ต้องไม่ลืมว่า แม้บรรดาพรรคการเมืองและนักการเมืองแต่ละพรรคจะขยับเตรียมความพร้อมกันอย่างคึกคัก อันเป็นเครื่องหมายว่าเส้นทางของการเลือกตั้งนั้นใกล้เข้ามาแล้ว อีกด้านก็ปรากฏเค้าลางของการข่าวว่าด้วยการรัฐประหาร อันจะเป็นการใช้ปลายกระบอกปืนมาแก้ปัญหาทางการเมืองกันอีกแล้ว ทั้งที่ ผลพวงจากการวางกลไกของขบวนการสืบทอดอำนาจที่ผ่านมานั้น เห็นได้ชัดว่าเป็นการรัฐประหารกันทางกฎหมายกันไปแล้ว

อย่างไรก็ตาม โอกาสการรัฐประหารไม่มีใครในบ้านเมืองนี้จะการันตีได้ว่าไม่เกิดขึ้นร้อยเปอร์เซ็นต์ ต้องอย่าลืมว่า ความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้นนั้นมันมีเหตุ เพราะผลของคำวินิจฉัยปม 8 ปีของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจนั้น หากคำนึงถึงตัวบทกฎหมายอย่างแท้จริงแล้ว แทบจะไม่ต้องตีความกันให้ยุ่งยาก หากคนที่ถูกร้องไม่คิดอยู่ยาว และมีจิตสำนึกต่อความถูกต้องอย่างแท้จริง แค่คำถามว่าเป็นนายกฯ มากี่ปีแล้ว มันก็ไม่ต้องนำไปสู่การตีความอะไรใด ๆ ทั้งสิ้น

สิ่งสำคัญคือ ความเป็นนายกฯ ของประเทศไทยนั้น ต้องตระหนักกันอย่างที่สุดว่า ได้รับพระราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง ประเด็นนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งโดยเฉพาะกับผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจ จะมาอ้างว่ารัฐธรรมนูญปี 2560 ไม่เกี่ยวข้องกับความเป็นนายกฯ ตั้งแต่ปี 2557 แค่เท่านี้ก็น่าจะเป็นบทพิสูจน์แล้วว่า ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจควรต้องรับผิดชอบอย่างไร ยังไม่นับรวมกรณีการถวายสัตย์ปฏิญาณตนที่ผิดพลาด หากเป็นคนอื่น บรรดาคนดีทั้งหลายคงพากันดาหน้าออกมาไล่เหยียบให้จมธรณีไปแล้ว

ดังนั้น เมื่อกฎหมายที่คณะรัฐประหารและขบวนการสืบทอดอำนาจรวมหัวกันร่างขึ้นมาเพื่อเป็นกลไกในการอยู่ยาว โดยมีองค์กรทั้งหลายคอยเป็นไม้ค้ำยันเสถียรภาพมันมีปัญหาจนสะเทือนไปถึงความศรัทธาของประชาชน คนอื่นหรือฝ่ายตรงข้ามเสนอแก้ไขก็ไม่ได้เพราะจะเป็นการเสียหน้า และทำให้เห็นว่าที่ผ่านมาขบวนการนี้ทำให้บ้านเมืองเสียหาย เสียโอกาส การที่จะล้มกระดานเปลี่ยนกติกากันใหม่โดยปลายกระบอกปืนจึงยังมีความเป็นไปได้อยู่ตลอดเวลา

ถ้ามองข้ามเรื่องนี้ไป แล้วลุ้นกันไปถึงการเลือกตั้งครั้งหน้า สิ่งที่น่าสนใจ คือ ขั้วทางการเมืองที่จะจับมือกันตั้งรัฐบาลนั้นหน้าตาจะเป็นอย่างไร บอกไว้ตั้งแต่ต้น คำพูดของ อนุทิน ชาญวีรกูล ที่ประกาศไม่คิดจะจับมือกับพรรคเพื่อไทยในการตั้งรัฐบาล อย่าได้ยึดเป็นที่สุด วันนี้ก็เป็นเช่นนั้น เมื่อเสี่ยหนูที่แม้จะแสดงท่าทีมั่นใจถึงขนาดขอเป็นต้นขั้วทางการเมือง หรือเป็นแกนหลักทางการเมืองหลังการเลือกตั้งครั้งหน้า แต่ก็ออกตัวด้วยว่าขอดูผลการเลือกตั้งก่อน

คำพูดที่ว่าจะจับมือกับใคร ต้องรอดูผลเลือกตั้ง ต้องเอานโยบายไปคุย ถ้าหารือกันได้ก็ทำงานร่วมกัน แต่ถ้าอีกฝ่ายมีเงื่อนไขที่รับไม่ได้จริง ๆ ถึงฝ่ายนั้นจะเป็นรัฐบาลพรรคของตนก็พร้อมจะเป็นฝ่ายค้าน เป็นการยกเอาหลักการมาอธิบาย เพื่อที่จะไม่ได้ผูกมัดกับสิ่งที่ตัวเองเคยพูดไม่คิดจะร่วมงานกับพรรคซึ่งประกาศแลนด์สไลด์ เหตุที่ต้องวางทางถอยเช่นนี้ แม้ความเป็นไปได้ว่ายังไงก็น่าจะจับมือกับพรรคสืบทอดอำนาจและประชาธิปัตย์เหมือนเดิม แต่ด้วยการใช้วิธีตกปลาในบ่อเพื่อน มันจึงทำให้เกิดเป็นปมที่ทำให้อีกสองพรรคต้องคิดหนักว่าจะจูบปากกันได้หรือไม่

ที่แน่ ๆ ถ้าจับอาการของเสี่ยหนูต่อคำประกาศทางการเมืองล่าสุดได้ จะทำให้เห็นโอกาสของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจที่จะกลับคืนสู่ตำแหน่งนายกฯ หลังการเลือกตั้งครั้งหน้าว่าน้อยลงทุกที กับสิ่งที่บอกว่าผู้ที่ควรได้รับการเสนอชื่อเป็นแคนดิเดตนายกฯ คือ ใครเป็นหัวหน้าพรรคก็ต้องได้รับการเสนอชื่อและต้องเป็นชื่อเดียว ไม่มีเบอร์ 2 เบอร์ 3 เท่ากับว่าถ้าอยากจะกลับมาก็ต้องเข้าสู่เส้นทางการเมืองแบบเต็มตัว ซึ่งผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจไม่ได้มีความคิดแบบนั้นอยู่แล้ว เว้นเสียแต่ว่าจะกล้าที่ไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคใดพรรคหนึ่ง ที่ไม่ใช่พรรคสืบทอดอำนาจ แต่นั่นก็ไม่ได้การันตีว่าพรรคนั้นจะชนะเป็นแกนนำตั้งรัฐบาล

Back to top button