พาราสาวะถี

ไม่ใช่การสับขาหลอกเป็นแน่กับสิ่งที่ ธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีบอกเป็นนัยว่าจะมีการยุบสภาช่วงใกล้ครบวาระ


ไม่ใช่การสับขาหลอกเป็นแน่กับสิ่งที่ ธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีบอกเป็นนัยว่าจะมีการยุบสภาช่วงใกล้ครบวาระ ไม่ใช่เพราะเป็นคนรู้ใจใกล้ตัวและได้รับความไว้วางใจจนได้รับการปูนบำเหน็จเก้าอี้เสนาบดีจากผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจ หากแต่เป็นประเด็นการย้ายสังกัดพรรคการเมืองของคนที่ยังมีหัวโขนอยู่เวลานี้ ถ้าเลือกที่จะอยู่ครบวาระ คนเหล่านั้นจะต้องลาออกก่อนวันที่ 7 กุมภาพันธ์นี้ เพื่อให้ทันกรอบเวลาการเป็นสมาชิกพรรคไม่น้อยกว่า 90 วันก่อนวันเลือกตั้ง

ขณะที่พรรครวมไทยสร้างชาติที่ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจรอฤกษ์จะไปสมัครเป็นสมาชิกพรรค ยังไม่มี ส.ส.ประเภทตัวความหวังมาสมัครเป็นสมาชิก เช่นเดียวกันกับคนให้ข่าวอย่างธนกรที่นาทีนี้ก็ยังมีหัวโขนความเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรคสืบทอดอำนาจอยู่ ดังนั้น หากอยู่ให้ครบวาระแล้วให้คนเหล่านี้ลาออกก่อนถึงเดดไลน์ มันก็เท่ากับขาลอยทางการเมือง เมื่อไม่ใช่ประเภทใจถึงพึ่งได้เหมือนที่ภูมิใจไทยโชว์พลังดูดซื้อใจ ส.ส.เกือบ 40 คนไขก๊อกไปยื่นใบสมัครเข้าพรรค วิธีการที่จะทำให้นักเลือกตั้งที่ตัดสินใจกันวินาทีสุดท้ายย้ายไปอยู่ด้วยแบบปลอดภัยคือยุบสภา

ย้ำมาโดยตลอดด้วยข้อกฎหมายกรณียุบสภา คนที่จะย้ายพรรคหรือผู้สมัคร ส.ส.จะเป็นสมาชิกพรรคการเมืองแค่ระยะเวลาเพียงไม่น้อยกว่า 30 วันเท่านั้น นั่นจึงเป็นสิ่งที่ทำให้เชื่อว่ายังไงเสียผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจต้องยุบสภาไม่ว่ากระแสความนิยมในเวลานั้นจะเป็นอย่างไรก็ตาม การเลือกที่จะเดินบนถนนการเมืองด้วยตนเองอย่างเต็มตัวแบบนี้แล้ว ก็ต้องกล้าที่จะตัดสินใจ วัดดวงกันไปให้รู้แล้วรู้รอด เหมือนที่ให้สัมภาษณ์ไป ใครจะได้เป็นนายกฯ ไม่มีใครรู้เพราะทุกอย่างขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของประชาชน

เป็นตรรกะที่ถูกต้องที่สุด เรื่องของการใช้กลไกอำนาจ หรือกลวิธี อุบายเล่ห์เหลี่ยมทางการเมืองใด ๆ เป็นสิ่งที่จะต้องไปรอดูกันเมื่อเข้าสู่โหมดเลือกตั้งแบบเต็มตัว กรรมการดูแลอย่าง กกต.มีหน้าที่ที่จะต้องตรวจสอบ ดำเนินการอย่างเข้มงวด เคร่งครัดอยู่แล้ว บนความหวังของคนส่วนใหญ่ที่ว่า บทเรียนจากความห่วยแตกในการจัดการเลือกตั้งครั้งที่แล้ว ตั้งแต่การแบ่งเขตเลือกตั้งจนกระทั่งมติว่าด้วยวิธีคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อจะไม่เกิดขึ้นอีก

การส่งสัญญาณของ แสวง บุญมี เลขาธิการ กกต.ในคราวอวยพรปีใหม่ให้บุคลากรขององค์กร ไม่ได้มีอะไรหวือหวา ทุกอย่างเป็นไปตามกลไกข้อกฎหมายอยู่แล้ว ไม่ว่าจะยุบสภาหรือครบวาระ ยังไง กกต.ก็ต้องพร้อมที่จะจัดการเลือกตั้ง จุดชี้วัดสำคัญมันอยู่ที่ว่า ก่อน ระหว่างและหลังการเลือกตั้ง กระบวนการ วิธีการ และการตัดสินปัญหาของ กกต.ที่หมายถึง 7 เสือ กกต. เป็นไปด้วยความโปร่งใส เป็นธรรม มีบรรทัดฐานเดียวกันหรือไม่ ไม่ใช่ถูกวิจารณ์ยับจนขาดความเชื่อถือเหมือนที่ผ่านมา

กล่าวสำหรับผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจ การถูกจี้ถามถึงปมความขัดแย้งกับพี่ใหญ่แก๊ง 3 ป. แม้จะพยายามอธิบายด้วยท่วงทำนองของการบุกเข้ามูลนิธิป่ารอยต่อฯ เพื่ออวยพรพี่ใหญ่ และการบอกว่าคุยกันทุกวัน สนทนาธรรมกันทุกเสาร์อาทิตย์ แต่นั่นเป็นไปเพราะมารยาท และผลจากบุญคุณที่มีต่อกันมายาวนานในการเข้าสู่อำนาจทางทหารหรือไม่ ในมิติทางการเมืองไม่ใช่เพียงแค่ความเห็นต่าง หากยังมีเรื่องของบริวารที่ต้องดูแล ซึ่งพี่ใหญ่และน้องเล็กมองและปฏิบัติต่างกันอย่างสิ้นเชิง

ไม่เพียงเท่านั้น ทิศทาง จังหวะก้าวทางการเมืองหลังเลือกตั้งครั้งหน้าระหว่างพี่ใหญ่กับน้องเล็กก็ต่างกันออกไปด้วยโจทย์ของพี่ใหญ่แม้จะเคยได้ชื่อว่าเป็นพรรคที่สนับสนุนผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจ แต่นั่นเป็นเพราะสถานการณ์บังคับและต้องเดินตามแผนที่ได้วางกันไว้ แต่เมื่อบริบททางการเมืองเปลี่ยน หลังเลือกตั้งถ้าได้จำนวน ส.ส.ที่มีความสำคัญมากพอ ก็ย่อมที่จะสามารถเข้าร่วมรัฐบาลกับทุกพรรคได้ ไม่เว้นกระทั่งเพื่อไทย แม้พรรคนายใหญ่จะประกาศกร้าวแสดงท่าทียังไม่ร่วมสังฆกรรมกับพรรคการเมืองใดก็ตาม

แต่นั่นเป็นลีลาทางการเมืองที่จะต้องเดินให้สุดตามแนวทางแลนด์สไลด์กันก่อน หลังเลือกตั้งตัวเลข ส.ส.ที่ได้คือของแท้ที่จะนำมาซึ่งสูตรทางการเมือง ใครจะจับมือใคร เรื่องขั้วทางการเมืองในปัจจุบันจะถูกมองข้ามไปในทันที ผิดกับผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจที่การมีพรรคเป็นของตัวเองเพื่อรองรับการเป็นแคนดิเดตนายกฯ เพียงหนึ่งเดียวนั้น มีหลายโจทย์ที่จะต้องแก้ให้ตก โจทย์แรกรวมไทยสร้างชาติต้องได้ ส.ส.ไม่น้อยกว่า 25 คนเพื่อสิทธิ์ในการเสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯ ให้ที่ประชุมรัฐสภาเลือกเสียก่อน

มองมาถึงวันนี้ จากจำนวนรายชื่อที่มียังเป็นประเภทแย่งกันลงปาร์ตี้ลิสต์อันดับต้น ๆ เพื่อการันตีเก้าอี้ ส.ส. พวกที่จะลงระบบเขตเลือกตั้งในพื้นที่ กทม.และภาคใต้ซึ่งจะย้ายมาจากพรรคสืบทอดอำนาจก็เป็นประเภท 50 : 50 โอกาสสอบตกกับได้รับเลือกพอ ๆ กัน ค่อนไปในทางเป็นผู้แทนสอบตกเสียด้วยซ้ำ ถ้าโจทย์แรกไม่ผ่านก็ยากที่จะไปสู่เป้าหมายอื่น แต่ถ้าได้ ส.ส.การันตีสิทธิ์การเสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯ แล้ว ต้องไปลุ้นอีกว่า ขั้วการเมืองที่จับมืออยู่ปัจจุบันยังจะสนับสนุนกันต่อไปหรือไม่

นี่คือเรื่องใหญ่ เดินกันต่อได้ต้องมี ส.ส.ไม่น้อยกว่า 250 เสียงขึ้นไป ไม่ใช่ว่าเอาแค่ไปบวกกับ ส.ว.ลากตั้ง 250 เสียงเพื่อให้เลือกตัวเองเป็นนายกฯ ก็พอ เช่นนั้นทางการเมืองไม่มีใครทำกัน เพราะมันจะกลายเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยในสภาผู้แทนราษฎรและมีสิทธิ์ที่จะกระเด็นตกเก้าอี้ได้ตลอดเวลา ส่วนอีกด้านวานนี้ฉายภาพให้เห็นแล้วว่า ส.ว.ที่เคยเป็นของตายไม่แตกแถวเมื่อปี 2562 นั้นวันนี้ไม่เหมือนเดิม เรื่องนี้ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจรู้อยู่เต็มอก

ปัญหาใหญ่ของการที่จะขออยู่ยาวสำหรับผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจแม้ว่าจะจับมือกับขั้วเดิมได้ แต่จะได้รับเก้าอี้นายกฯ เหมือนเดิมหรือไม่ ยังเป็นเครื่องหมายคำถาม ในเมื่อ อนุทิน ชาญวีรกูล ยืนยันความพร้อมเป็นผู้นำประเทศ และประกาศกร้าวด้วยว่าไม่รับเงื่อนไขนายกฯ คนละครึ่ง ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ก็ยังลูกผีลูกคน หนทางบนถนนสายการเมืองที่จะแปลงร่างจากเผด็จการเต็มสูบเป็นผู้นำจากระบอบประชาธิปไตยครึ่งบกครึ่งน้ำสำหรับผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจนั้น ต้องยอมรับความจริงว่ายากเป็นอย่างยิ่ง เว้นเสียแต่จะใช้วิชาสามานย์ชนิดอย่างหนาเรียกพี่ คนดีทั้งหลายพร้อมใจทำตัวเป็นพวกหูหนวกตาบอดเหมือนที่ผ่านมา

Back to top button