1,570 ต้องเด้ง

สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยในยามที่ทุกอย่างกำลังไปได้ดี มักมีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้นเป็นประจำ จนทำให้รู้สึกท้อแท้อย่างบอกไม่ถูกกันเลยทีเดียว


สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยในยามที่ทุกอย่างกำลังไปได้ดี มักมีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้นเป็นประจำ จนทำให้เดี๊ยนรู้สึกท้อแท้อย่างบอกไม่ถูกกันเลยทีเดียว แต่ถ้ามองอีกมุมจะเห็นว่า อิทธิพลต่างประเทศยังคงแสดงฤทธิ์เดชเป็นระยะ ขณะเดียวกันก็จะเห็นว่า “กองทุน” กับ “ฝรั่ง” ยังมาในสไตล์ตบหัวเข้าบ้าน ส่งผลให้สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยตกในที่นั่งลำบากอีกครั้งไงล่ะคะ

ทั้งที่ปัจจัยพื้นฐานของตลาดหุ้นไทยก็ดีขึ้นเป็นลำดับ และมีประเด็นใหม่ ๆ เข้ามาซัพพอร์ตไม่ขาดสาย แต่ผลลัพธ์ที่ออกมาดันกลายเป็นทางลบไปเสียได้แบบนี้ “โมนิก้า” ถึงมองการลงมายืนปิดที่ระดับ 1,580.73 จุด ลบไป 13.12 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.51 หมื่นล้านบาท ยังไม่ถึงขั้นที่ต้องวอรี่ จนไม่มีอันจะทำอะไรทั้งสิ้น เพราะยังมีจุดเด้งที่บริเวณ 1,570 จุดคอยค้ำยันตลาดหุ้นไว้อยู่น่ะซี

สิ่งที่ต้องกังวลต่อจากนี้ก็คือ หากดัชนีลงมาถึงจุดเด้งอีกครั้ง แต่ดัชนีไม่เด้งเหมือนที่ประเมินไว้ ก็เป็นจุดที่นักลงทุนต้องเริ่มคิดอีกครั้งว่า ถึงเวลาคัตลอสเพื่อไม่ให้ขาดทุนหนักไปกว่าเดิมหรือเปล่า? เพราะลักษณะเช่นนี้เหมือนเป็นการบอกให้รู้ว่า นักลงทุนไม่ได้ให้ความสำคัญกับผลงานไตรมาส 1 ที่ฟื้นตัวดีขึ้น และกำลังให้ความสนใจกับประเด็นใหม่มากกว่า โดยเฉพาะการกำเนิดของไวรัสตัวใหม่ที่ชื่อ “มาร์บวร์ก” กระมัง!

งานนี้ถึงต้องดูกันต่อไปว่า การขายหุ้นทิ้งของฝรั่งหัวทองที่มากถึง 2.78 พันล้าน มาจากความกังวลเรื่องไหนกันแน่! เพราะก่อนหน้านี้ดูเหมือนจะเริ่มชินกับท่าทีของเฟดที่ยังดำเนินนโยบายขึ้นดอกเบี้ยอย่างเข็มข้น และคลายกังวลกับชนวนเหตุที่จะทำให้เกิดสงครามระหว่างคู่ขัดแย้งรายใหม่ “โมนิก้า” ถึงเกิดอาการมึนตึ้บเมื่อเห็นดัชนีไหลลงมาเรื่อย ๆ จึงกลายเป็นไฟต์บังคับว่า หากดัชนียังไหลต่อ ก็ต้องตัดใจอย่างเร่งด่วนเจ้าค่ะ

เหมือนกับการรูดลงของหุ้น JMT แบบไม่มีลิมิตวานนี้ “โมนิก้า” ถือเป็นสถานการณ์ไม่ปกติสำหรับหุ้นที่ยังทำผลงานได้ดี และการที่หุ้นไหลลงพรวดเดียวมาปิดที่ 39 บาท ลบไป 4.25 บาท 9.85% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.32 พันล้านบาท พร้อมกับทำโลว์ในรอบ 2 ปี 2 เดือน ย่อมทำลายขวัญของผู้เล่นอย่างหนักหน่วง เดี๊ยนถึงต้องเตือนด้วยความหวังดีว่า รอให้แรงขายสะเด็ดน้ำอีกนิด ต่อจากนั้นค่อยมาว่ากันอีกทีจ้า

เช่นเดียวกับในรายของตัวแม่อย่าง JMART ก็มีประเด็นที่ต้องคิดให้ดีก่อนจะสวมวิญญาณชาวสวน เพราะแรงขายที่ไหลออกมาเป็นท่อประปาแตกเที่ยวนี้ มันทำลายความมั่นใจของนักเล่นไปมากโข และทำให้หลายคนเริ่มคิดว่า การยืนปิดที่ระดับ 19.60 บาท ลบไป 2.10 บาท ลบไป 9.70% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 925 ล้านบาท มันใช่ก้นเหวของการทิ้งตัวลงแรงหรือเปล่า?..ลองถามใจเธอดูนะคะ

ส่วนรายที่มีลุ้นเด้งกลับอย่างสวย ๆ “โมนิก้า” ขอมองไปที่หุ้น CBG แบบไม่อิดออดอะไรทั้งสิ้น เพราะการร่วงลงมาปิดที่ระดับ 81.25 บาท ลบไป 4.50 บาท หรือลงไป 5.25% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 986 ล้านบาท มันเป็นการลงมายังบริเวณโลว์เดิมที่ลงมาปุ๊บ ต่อจากนั้นมีการวิ่งกลับขึ้นไปอย่างช้า ๆ จนเกือบร้อย และกลายเป็นเกมวัดใจนักลงทุนอย่างแท้จริง..งานนี้จะเป็นจริงหรือไม่ เดี๊ยนไม่รับประกันหรอกนะ

สำหรับรายที่ทำท่าจะดี แต่สุดท้ายก็เป๋หนัก “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้นของ SHR เพื่อชี้ให้เห็นการทรุดฮวบลงมาปิดที่ระดับ 3.56 บาท ลบไป 0.38 บาท หรือลงไป 9.65% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 232 ล้านบาท มันน่าจะมีประเด็นอะไรบางอย่างที่กระทบกับความสามารถในการทำกำไร แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องรอผู้บริหารมาเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ฟัง ต่อจากนั้นจะรู้ว่า ราคานี้น่าเล่นไหม?..ทราบแล้วบอกต่อด้วยนะคะ

เรื่องราวดังกล่าวทำให้ “โมนิก้า” ต้องเอ่ยถึงหุ้นในตลาด เอ็ม เอ ไอ อย่าง BE8 เพื่อทำให้รู้ว่า การลงมาปิดที่ระดับ 49.25 บาท ลบไป 3.75 บาท หรือลงไป 7% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 225 ล้านบาท มันเป็นการตกแรงวันที่สอง และยังเป็นการทำโลว์ในรอบ 9 เดือนแบบนี้ กลายเป็นเรื่องที่น่าวอรี่สุด ๆ สำหรับหุ้นที่มาด้วยสตอรี่โตก้าวกระโดด เพราะสิ่งที่แสดงออกมาเหมือนบอกเป็นนัยให้รู้ว่า อาจไม่โตนะจ๊ะ

Back to top button