จับตากลุ่ม ‘J’

นับจากต้นปี 2566 ราคาหุ้นกลุ่มเจมาร์ท ปรับตัวลงต่อเนื่องทั้ง JMART JMT SINGER และ SGC ทำให้นักลงทุนต่างพยายามหาคำตอบว่าเกิดอะไรขึ้น


นับจากต้นปี 2566

ราคาหุ้นกลุ่มเจมาร์ท ปรับตัวลงต่อเนื่อง

ทั้ง JMART JMT SINGER และ SGC

ทำให้นักลงทุนต่างพยายามหาคำตอบว่าเกิดอะไรขึ้น เหตุใดราคาจึงปรับลงพร้อม ๆ กัน

หลังราคาปรับตัวลง

ในด้านนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ จากบริษัทหลักทรัพย์ที่วิเคราะห์หุ้นกลุ่มเจมาร์ท

ทั้งหมดต่างมีการปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการหุ้นในกลุ่ม J ลง

จากเดิมที่ทั้งรายได้และกำไรเคยเติบโตแบบ Aggressive หรือมีอัตราการเติบโตแบบก้าวกระโดด 40-50% ต่อปี ลงมาเป็นคาดเติบโตแบบปกติ

ล่าสุด มีการเปิดเผยรายชื่อกลุ่มนักลงทุนรายใหญ่ทั้งใน เจมาร์ท และซิงเกอร์ฯ

มีการพบว่า ชื่อของนักลงทุนรายใหญ่บางรายหายออกไป

แสดงว่าที่ผ่านมา เกิดการค่อย ๆ  รินของออก

และน่าจะเป็นอีกเหตุผลทำให้ราคาปรับลง

สำหรับเจมาร์ทนั้น หากพิจารณาจากรายได้ จะพบว่า ธุรกิจด้านไอทีจะสร้างรายได้หลักให้กับเจมาร์ท

แต่หากพิจารณาในด้านของกำไร

จะพบว่า JMT คือ บริษัทที่สร้างกำไรให้กับ เจมาร์ท มากสุด หรือคิดเป็น 60-65%

ส่วนซิงเกอร์ฯ จะสร้างกำไรมากเป็นอันดับ 2 รองจาก JMT

นักวิเคราะห์มองว่า ผลประกอบการของ JMT ในปีนี้ ยังเติบโตในระดับที่ดี

เพียงแต่ว่าอาจจะไม่ได้เป็นตัวเลขระดับสูงเช่นเดียวกับก่อนหน้า

แต่การที่ราคาหุ้นลงมาค่อนข้างมาก

ทำให้มีการคำนวณกันออกมาว่า เป็นการลงมาลึกเกินไปและน่าจะต่ำกว่าพื้นฐานของ JMT ทำให้ช่วง 3-4 วันที่ผ่านมา จะเห็นกราฟหุ้น JMT เริ่มดีดกลับ

ส่วนซิงเกอร์ฯ กับ เอสจีฯ เกิดการเปลี่ยนแปลงผู้บริหารระดับสูง

น่าจะทำให้นักลงทุนเกิดการปรับพอร์ต

แล้วรอดูความชัดเจนเกี่ยวกับแผนธุรกิจของทั้งสองบริษัทอีกครั้ง

แน่นอนว่า เมื่อเกิดความไม่ชัดเจนของสองบริษัทดังกล่าว (รวมถึงแนวโน้ม JMT) ย่อมส่งผลมาจากเจมาร์ท

แต่การที่ราคาหุ้นลงมาบริเวณ 18-19 บาทต่อหุ้น

ด้านบอร์ดของเจมาร์ทฯ เองคงจะพิจารณาดูแล้วว่า ราคาหุ้นลงมาต่ำเกินไป

หรือต่ำกว่าพื้นฐานของเจมาร์ทที่ควรจะเป็น

จึงมีนโยบายซื้อหุ้นคืนในช่วงวันที่ 15 พ.ค.-15 มิ.ย. 2566

ใช้วงเงินไม่เกิน 400 ล้านบาท

นโยบายการซื้อหุ้นคืนของเจมาร์ท ทำให้เกิดการวิเคราะห์อีกว่า ราคาหุ้นน่าจะผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว

และกลุ่มนักลงทุนรายใหญ่น่าจะมีการปรับพอร์ตแบบสะเด็ดน้ำ

หลังจากนี้ ราคาหุ้นอาจจะค่อย ๆ ฟื้นตัว

หรืออย่างมาก น่าจะพอรักษาระดับที่บริเวณ 20 บาท ++ได้

มีการประเมินจากนักวิเคราะห์ด้วยว่า มีความเป็นไปได้ว่า ผลประกอบการของกลุ่มเจมาร์ทในไตรมาส 1/66 อาจจะออกมาดีกว่าคาดของนักวิเคราะห์ที่มีการปรับตัวเลขกันใหม่แล้ว

และแนวโน้มไตรมาสที่เหลือของปีนี้

ก็น่าจะออกมาดี

หรือค่อย ๆ ฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญเช่นกัน

Back to top button