EARTH-MORE-STARK ใครทำชิบ..กว่ากัน?

ประเด็นของตลาดหุ้นไทยในช่วงนี้คงไม่ตื่นเต้นเร้าใจเหมือนปีก่อน ๆ และไม่มีอะไรมาเรียกความเชื่อมั่นกลับมาเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์


ประเด็นของตลาดหุ้นไทยในช่วงนี้คงไม่ตื่นเต้นเร้าใจเหมือนปีก่อน ๆ และไม่มีอะไรมาเรียกความเชื่อมั่นกลับมาเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ (ล่าสุดมาเจอปมหุ้น ITV ยังเป็นสื่อไหม..เข้าอีกดอก) เพราะประเด็นที่ทิ่มแทงใจนักลงทุนยังวนเวียนอยู่ที่เรื่องนโยบายเศรษฐกิจของแม่ส้ม ซึ่งกำลังจะก้าวขึ้นมาเป็นขุนคลังของประเทศไทยนั้น มันมีปมเรื่องเก็บภาษีที่บั่นทอนจิตใจทุกครั้งที่เอ่ยถึง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเก็บภาษีนิติบุคคลขนาดใหญ่เพิ่มเป็น 23% จากเดิม 20% และการเก็บภาษีความมั่งคั่งของคนที่มีทรัพย์สินสุทธิเกิน 300 ล้านไงล่ะจ๊ะ

ครอบคลุมถึงการเก็บภาษีหุ้น (อันนี้เดี๊ยนเฉย ๆ) ก็เป็นเรื่องที่อ่อนไหวต่อนักลงทุนทุกระดับ (กลัวม็อบจะลงถนน) ส่วนจะเป็นจริงเหมือนที่กล่าวอ้างกันขนาดไหน? คงต้องใช้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์สถานเดียว เพราะความคิดของผู้คนในวันนี้มัน “นานาจิตตัง” แต่ที่แน่ ๆ คือ วานนี้ดัชนีอ่อนตัวลงมายืนปิดที่ 1,551.41 จุด ลบไป 3.70 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.17 หมื่นล้าน มันเป็นเครื่องย้ำเตือนว่า ตลาดหุ้นยังไม่พร้อมไปต่อก็เท่านั้นเอง!

วันนี้เลยถือโอกาสรำลึกความหลังอันโหดร้ายที่เกิดขึ้นกับหุ้นร้อนกันสักหน่อย เพราะดูเหมือนเพื่อนสนิทมิตรสหายอยากให้แชร์เกร็ดความรู้ เพื่อเป็นเครื่องเตือนใจว่า “รู้หน้าไม่รู้ใจ” มันมีอยู่จริง! เลยถือโอกาสนี้เล่าถึงวีรกรรมของโคตรหุ้นอันตรายอย่าง EARTH ซึ่งเป็นโศกนาฏกรรมของเจ้าพ่อถ่านหินทิพย์ ถัดมาก็เป็นหุ้น MORE ซึ่งถือเป็นต้นกำเนิดการปล้นโบรกฯ กลางแดด และปิดท้ายด้วยหุ้น STARK ซึ่งกำลังจะสร้างตำนานสายไฟทิพย์แล้วกันนะจ๊ะ

สำหรับความโหดร้ายของ EARTH (ไม่ได้เทรด) หรือที่เรียกกันติดปากว่า “ถ่านหินทิพย์” ต้องย้อนกลับไปเมื่อปี 59 ซึ่งอ้างอิงจากสำนวนที่ ก.ล.ต. กล่าวโทษผู้บริหารพร้อมพวกทั้งหมด 17 ราย ในความผิดร่วมกันสร้างหนี้เทียมที่มีมูลค่าสูงถึง 2.6 หมื่นล้าน และเมื่อรวมกับคดีที่ ธ.กรุงไทย แจ้งความดำเนินคดีอดีตกรรมการ กรณีใช้เอกสารเท็จในการเบิกใช้สินเชื่อ ซึ่งอ้างว่านำไปชำระค่าถ่านหินนั้น..มันเป็นเรื่องที่สะเทือนวงการสุด ๆ นะจะบอกให้

เนื่องจากมูลค่าความเสียหายของธนาคารในตอนนั้นสูงถึง 1.80 พันล้าน ขณะเดียวกันเมื่อดูจากจำนวนผู้ถือหุ้นที่ได้รับผลกระทบก็มีมากถึง 1.60 หมื่นราย ย่อมเป็นเรื่องที่ทำให้ทุกภาคส่วนตื่นตัวอย่างหนัก เพราะไม่คิด ไม่ฝันว่า กลุ่มคนเหล่านั้นจะกล้าเปิดปฏิบัติการสูบเงินออกจากบริษัทแบบไม่เกรงกลัวกฎหมาย และจนถึงทุกวันนี้ก็ยังไม่รู้ว่า สามารถเอาคนผิดมาลงโทษได้หรือยังเจ้าค่ะ

ส่วนกรณีการซื้อขายหุ้น MORE ก็ไม่รู้เหมือนกันว่า เรื่องราวทางคดีความไปถึงไหน? แต่ที่แน่ ๆ ก็คือ มหกรรมปล้นโบรกฯ กลางแดด และเริ่มเปิดฉากปฏิบัติการตั้งแต่ฟ้าสาง ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 10 พ.ย. 65 และเป็นช็อตที่เกี่ยวเนื่องกับจังหวะที่ตลาดหุ้นกำลังจับคู่ ATO พอดี โดยตอนนั้นมีการโยนหุ้นออกมาพรวดเดียว 1,531 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 2.90 บาท (วันนี้ราคา 0.18 บาท) วงเงินประมาณ 4,500 ล้านบาท..ยังจำกันได้ไหมคะ

โดยตัวละครหลักที่ทำให้โบรกเกอร์บรรลัยกันถ้วนหน้าก็คือ “ปิงปอง” ซึ่งเป็นผู้ส่งคำสั่งซื้อหุ้นผ่านโบรกเกอร์ทั้งหมด 11 แห่ง แต่คุณน้องดันเลือกใช้วิธีไม่ชำระค่าหุ้นที่สั่งซื้อไว้เสียอย่างนั้น! ส่งผลให้ ปปง. สั่งอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายหุ้นจำนวน 34 รายการ คิดเป็นวงเงินสูงถึง 5,376 ล้านบาท และเที่ยวนี้ก็มีรายย่อยได้รับผลกระทบจากราคาหุ้นรูดมหาราชมากถึง 6 พันราย ส่วนโบรกเกอร์ก็หลังแอ่นไปตามระเบียบจ้า!

ล่าสุดก็เป็นคิวของ STARK ซึ่งทำให้วงการตลาดหุ้นสะเทือนไปทุกย่อมหญ้า ไม่ว่าจะเป็น ตลท. ก.ล.ต. ผู้สอบบัญชี ทริสเรทติ้ง นักลงทุนขาใหญ่ นักลงทุนรายย่อย ผู้ถือหุ้นกู้  และธนาคารใหญ่ ล้วนเป็นคนที่โดนต้มจนเปื่อยไม่มีชิ้นดี ซึ่งทุกคนกำลังตามหา “เสี่ยโอ๋” กันให้ควั่ก เพราะน่าจะเป็นคนที่รู้เรื่องราวดีกว่าใครทั้งสิ้น “โมนิก้า” จึงขอไล่เรียงข้อมูลเป็นช็อต ๆ เพื่อให้นักลงทุนไปวิเคราะห์กันเองว่า “เย็นสุขใจ” ได้ไหม?..อิอิอิ

สำหรับตัวเลขเสียหายที่ประเมินกันคร่าว ๆ ก็มีในส่วนเงินเพิ่มทุน PP ให้กับ 12 กองทุนประมาณ 5.50 พันล้าน วงเงินกู้จากแบงก์ใหญ่ราว 8 พันล้าน ซึ่งแบ่งเป็นกสิกร 5 พันล้าน และไทยพาณิชย์ 3 พันล้าน หนี้หุ้นกู้มีอยู่ประมาณหมื่นล้าน และยังมีเจ้าหนี้การค้าที่สูงถึง 2 หมื่นล้าน ซึ่งเที่ยวนี้มีรายย่อยที่เป็นตัวประกันทั้งสิ้น 9.60 พันราย..แต่เรื่องยังไม่จบแค่นั้น เพราะวานนี้ LEONI ฟ้องเรียกค่าเสียหาย 2.2 หมื่นล้าน หลังล้มดีลซื้อขายธุรกิจไงล่ะคะ

งานนี้เลยเป็นโจทย์ใหญ่สำหรับคุณ “ป๋าประจักษ์” แถมวันนี้ก็ถึงกำหนดที่ ตลท. สั่งให้บริษัทชี้แจงเรื่องส่งงบช้า และเรื่องที่ทำ “สเปเชียล ออดิท” ไปถึงไหนแบบนี้..บอกได้คำเดียวว่า มันพะย่ะค่ะ!

Back to top button