‘เจมาร์ท’ พ้นน้ำ

หุ้นกลุ่มเจมาร์ทกำลังถูกกล่าวถึงอย่างมากในกลุ่มนักลงทุนและนักวิเคราะห์ โดยเฉพาะในช่วงประกาศผลประกอบการงวดไตรมาส 2/66 ออกมา


หุ้นกลุ่มเจมาร์ทกำลังถูกกล่าวถึงอย่างมากในกลุ่มนักลงทุนและนักวิเคราะห์

โดยเฉพาะในช่วงประกาศผลประกอบการงวดไตรมาส 2/66 ออกมา

ผลกำไรขาดทุน เป็นไปตามคาด

นั่นคือ ซิงเกอร์ ประเทศไทย หรือ SINGER มีผลประกอบการขาดทุน

รวมถึงหุ้นบริษัทลูกค้าของซิงเกอร์ฯ คือ เอสจี แคปปิตอล หรือ SGC ที่มีผลขาดทุนเช่นกัน

การขาดทุนของซิงเกอร์ฯ ส่งผลให้เจมาร์ทที่ถือหุ้นใหญ่ มีผลขาดทุนสุทธิตามไปด้วย

คำถามคือว่า ทำไมซิงเกอร์ฯ บริษัทลูกเพียงบริษัทเดียว ไปกดดันผลประกอบการของเจมาร์ทมากขนาดนั้น

ทั้งที่ถือหุ้นอยู่เพียง 25.20%

คำตอบคือ การขาดทุนของซิงเกอร์ฯ ถือว่าสาหัสพอสมควรนั่นแหละ

เพราะแม้ว่า ตัวของบริษัทในกลุ่มอีกแห่งคือ JMT ที่สร้างกำไรให้กับเจมาร์ทคิดเป็น 55% ของกำไรสุทธิที่เจมาร์ทได้รับจากบรรดาบริษัทลูกนั้น

ยังดึงกำไรเอาไว้ไม่ได้

มีประเด็นที่น่าสนใจ

นั่นคือ แม้การขาดทุนของซิงเกอร์ และเจมาร์ทที่ออกมานั้น

อาจจะมากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้

แต่ราคาหุ้นเมื่อวันศุกร์ที่ 11 สิงหาคมที่ผ่านมา

ราคากลับวิ่งขึ้นมาอย่างร้อนแรง

เหตุที่เป็นเช่นนั้น

น่าจะมาจากอาจมีการรับรู้แล้วว่า ช่วงเวลาที่เลวร้าย

ทั้งของซิงเกอร์ และเจมาร์ท

ได้ผ่านพ้นไปแล้ว

หรือผลประกอบการได้พ้นจากช่วงต่ำสุดแล้วค่อนข้างแน่นอน

ข้อมูลนี้ถูกยืนยันมาจาก “อดิศักดิ์ สุขุมวิทยา” ซีอีโอของเจมาร์ท ที่กล่าวยืนยันเกี่ยวกับผลประกอบการงวดไตรมาสสามปีนี้

ซิงเกอร์ และเจมาร์ท จะกลับมามีกำไรสุทธิได้

เป็นการกล่าวยืนยันเป็น “แสดงความมั่นใจ” อย่างมาก

เราจึงเห็นการกลับมาเก็งกำไรของหุ้น SINGER และ JMART

เช่นเดียวกันหุ้น SGC ที่นับจากเข้าตลาดหุ้น

ราคาได้ดิ่งลงต่อเนื่อง

นี่ก็ได้รับคำยืนยันเช่นกันว่า จะพลิกกลับมามีกำไรด้วย

อดิศักดิ์ มีการย้ำว่า ทางทีมบริหารชุดใหม่ของซิงเกอร์ฯ

ต่างได้ปัดกวาดปัญหาออกไปเกือบหมดแล้ว

ทำให้แนวโน้มไตรมาสสามปีนี้

ผลประกอบการของสถานะของซิงเกอร์ฯ นั้น

จะกลับเข้ามาใกล้กับสถานะปกติแล้วล่ะ

ดังนั้น หากซิงเกอร์ฯ หมดปัญหา

ทางเจมาร์ท ก็ไม่น่าจะมีอะไรมากดดัน

เพราะธุรกิจอื่น ๆ ทางการบริหารหนี้ ธุรกิจโมบาย อสังหาริมทรัพย์ และสุกี้ ตี๋น้อย

ทั้งหมดต่างมีผลประกอบการเป็นบวก

ยิ่ง เจ เอ็ม ทีฯ ที่ถือเป็นเรือธงของเจมาร์ท

ต่างถูกคาดหมายว่า ในไตรมาสสามปีนี้ กำไรยังคงเติบโตโดดเด่น โดยเฉพาะการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรของ JK AMC ที่ร่วมทุนกับแบงก์กสิกรไทยนั้น

มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

สวนธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ในช่วงไตรมาสสาม

ถือเป็นช่วงไฮซีซั่น เพราะทั้งซัมซุง และไอโฟน

ต่างจะมีการปล่อยรุ่นใหม่ออกมา

ส่วนสุกี้ ตี๋น้อยเองนั้นยังคงมียอดขายเพิ่มขึ้น

และการขยายจำนวนสาขายังคงดำเนินต่อไปจากปัจจุบัน มีสาขาประมาณ 50 แห่ง

ดูจากข้อมูล และการกล่าวของคุณอดิศักดิ์

น่าจะพอแสดงความมั่นใจได้แล้วว่า เจมาร์ท กำลังกลับมาเทคออฟอีกครั้ง

ส่วนด้านการลงทุนหุ้นกลุ่มเจมาร์ท

ในระยะสั้น ราคาหุ้นกลุ่มเจมาร์ท อาจจะยังเผชิญกับความผันผวน

จากราคาเมื่อวันศุกร์ที่ปรับขึ้นมาค่อนข้างแรง

การลงทุนในระยะสั้น จึงต้องระวังแรงขายทำกำไร

ส่วนใครที่เป็นนักลงทุน ทุนระยะกลางถึงยาว

มีคำแนะนำจากนักวิเคราะห์ว่า สามารถทยอยสะสมได้ ในช่วงราคาหุ้นย่อตัว

Back to top button