กองทุนเอาจริง

ดูเหมือนการกลับมาอย่างเต็มตัวของ “กองทุน” ทำให้สถานการณ์ตลาดหุ้นไทยอยู่ในทิศทางขาขึ้นอย่างแข็งแกร่ง เพราะเป็นการพุ่งเป้าซื้อไปที่หุ้นบลูชิพแบบจัดเต็มทุกไม้


ดูเหมือนการกลับมาอย่างเต็มตัวของ “กองทุน” ทำให้สถานการณ์ตลาดหุ้นไทยอยู่ในทิศทางขาขึ้นอย่างแข็งแกร่ง เพราะเป็นการพุ่งเป้าซื้อไปที่หุ้นบลูชิพแบบจัดเต็มทุกไม้ (วานนี้กองทุนซื้อไปอีก 1.40 พันล้านบาท) ส่งผลให้หุ้นเหล่านั้นไต่เพดานบินสูงขึ้นเรื่อย ๆ หลังจากจมปลักอยู่ที่ก้นเหวเป็นเวลานานแบบนี้ “โมนิก้า” ย่อมเชียร์ให้นักเล่นกระโจนใส่ไม่ยั้ง เพราะของมันแบเบอร์มาตั้งแต่ไก่โห่ว่า หลายอย่างกำลังเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นไงล่ะคะ

วันนี้ถึงต้องไล่เรียงหุ้นตัวอื่น ๆ เพื่อชี้ให้เห็นว่า แต่ละรายมีจุดเด่นอยู่ตรงไหนบ้าง? และยังมีแก๊ปให้หุ้นวิ่งอีกเยอะแค่ไหน? หลังดัชนีขยับก้นขึ้นมาเรื่อย ๆ จนล่าสุดขึ้นมายืนปิดที่ระดับ 1,562.97 จุด บวกไป 2.77 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.99 หมื่นล้านบาท แถมในระหว่างวันก็มีการทดสอบแรงขายเป็นระลอก จึงเหมือนเป็นการการันตีฐานที่มั่นบริเวณแนวรับ 1,550 จุด แกร่งเกินจะทรุดลงไปง่าย ๆ นะจะบอกให้

เหมือนกับในรายของ SCB ก็ไต่ระดับขึ้นมาเรื่อย ๆ ก่อนจะยืนปิดที่ระดับ 117.50 บาท บวกไป 0.50 บาท หรือขึ้นไป 0.45% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 854 ล้านบาท ทั้งที่หลังเลือกตั้งช่วงกลางเดือน พ.ค. ราคาหุ้นยืนต่ำร้อยแบบนี้ “โมนิก้า” ย่อมมองเป็นเรื่องความมั่นใจที่มีต่อยานแม่ จึงเชื่อกันว่า ราคาหุ้นควรกลับขึ้นไปยืนเท่าบุ๊กที่ระดับ 138 บาท ซึ่งเปิดช่องให้บรรดาผู้เล่นกลุ่มต่าง ๆ เข้ามาไล่ราคากันอีกหลายยกพะย่ะค่ะ

ในเมื่อโมเมนตัมการลงทุนดีขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม และบริษัทต่าง ๆ ใส่เกียร์เดินหน้าปั๊มกำไรกันสุดฤทธิ์ “โมนิก้า” จึงอยากเอ่ยถึงหุ้นอาหารหมาแมวอย่าง ITC เพื่อชี้ให้เห็นแรงซื้อที่กลับเข้ามารอบใหม่ น่าจะดันหุ้นกลับขึ้นไปทดสอบยอดแรกที่บริเวณ 24 บาทอีกครั้ง จึงอยากถามบรรดานักเล่นว่า การยืนปิดที่ระดับ 21 บาท บวกไป 1.30 บาท หรือขึ้นไป 6.60% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 402 ล้านบาทน่าสนใจไหมเอ่ย?

เช่นเดียวกับการฟื้นตัวของหุ้นห้องเย็น ASIAN ก็เป็นช็อตที่น่าสนใจสำหรับนักเล่นขาซิ่ง เพราะหุ้นเพิ่งจะกลับทิศอย่างเป็นทางการครั้งแรก จึงมีลุ้นขยับตัวขึ้นไปสร้างฐานใหม่ที่สูงกว่าเดิม ผนวกกับตอนนี้มีเสียงเชียร์ให้ลุยหุ้นกลางเล็กแบบสุดซอย เพราะมีอัพไซด์ให้เล่นกันบานตะไท เดี๊ยนเลยมองว่า การยืนปิดที่ระดับ 8.45 บาท บวกไป 0.80 บาท หรือขึ้นไป 10.45% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 125 ล้านบาท ท่ามกลาง PE 12 เท่าเสี่ยงต่ำเจ้าค่ะ

ไหน ๆ ก็มาแนวความหวังกันทั้งที “โมนิก้า” ขอเอ่ยถึงหุ้นกระต่าย RABBIT ซึ่งมาพร้อมกับสตอรี่เทิร์นอะราวด์กันดีกว่า เพราะทันทีที่มีข่าวว่า ผู้บริหารมั่นใจยอดขายอสังหาฯ ดีขึ้น และแรงกดดันจากผลงานที่ย่ำแย่ของ “ซิงเกอร์” ลดลง ก็มีแรงเก็งกำไรไหลเข้ามาบานตะไท จนราคาหุ้นพุ่งขึ้นเป็นวันที่สอง พร้อมกับขึ้นไปทำราคาสูงสุดที่ 0.87 บาท ก่อนจะย่อตัวลงมาปิดที่ 0.80 บาท บวกไป 0.11 บาท หรือขึ้นไป 15.95% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 356 ล้านบาทเหมาะที่จะเคาะสั้น ๆ นะจ๊ะ

คล้ายกับสถานการณ์ของหุ้นสายการบินอย่าง AAV ก็มีประเด็นที่ทำให้ทุกคนมั่นใจว่า ปีนี้ผลงานดีอย่างแน่นอน แต่เผอิญราคาหุ้นวิ่งขึ้นมาใกล้ชนแนวต้านบริเวณ 3 บาทเสียก่อน เดี๊ยนเลยไม่ชัวร์ว่า การยืนปิดที่ระดับ 2.86 บาท บวกไป 0.10 บาท หรือขึ้นไป 3.60% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 224 ล้านบาท จะมีแรงซื้อเข้ามาหนุนให้หุ้นวิ่งฝ่าด่านไปแบบชิล ๆ หรือเปล่า? จึงอยากให้นักเล่นติดตามดูกันเอาเองค่ะ

ส่วนม้านอกสายตาที่ “โมนิก้า” อยากให้นักเล่นจับตาดูดี ๆ เพราะมีสตอรี่ “เทิร์นอะราวด์” เข้ามาเป็นแรงขับเคลื่อน ผนวกกับบรรดาวงในมองเป็นหุ้นการเมืองที่ขาลุยต้องมีติดพอร์ต วานนี้ถึงเห็นหุ้น DOD ขึ้นมายืนปิดที่ระดับ 4.10 บาท บวกไป 0.14 บาท หรือขึ้นไป 3.55% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 99 ล้านบาทอย่างคึกคัก ซึ่งเป็นช็อตที่ต้องดูกันต่อไปว่า หุ้นตัวนี้จะเด้งรับข่าวดีที่จะเกิดขึ้นในอนาคตนานแค่ไหน?

ตบท้ายที่หุ้นเก็งกำไรที่มาพร้อมวอลุ่มอย่าง ECF กันดีกว่า เพราะการวิ่งขึ้นมาปิดที่ระดับ 1.30 บาท บวกไป 0.02 บาท หรือขึ้นไป 1.55% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 70 ล้านบาท ท่ามกลางความฮึกเหิมของนักลงทุนกลุ่มต่าง ๆ มันกลายเป็นภาพที่เชื้อเชิญให้เหล่าผู้กล้าเข้ามาเล่นกันอีกครั้ง แถมประเด็นที่จะเข้ามาขับเคลื่อนเป็นเรื่องเกี่ยวกับการคัมแบ็กของกำไร เพราะงวดนี้ไม่มีค่าใช้จ่ายพิเศษเข้ามากดดันผลงานของบริษัทแบบนี้..ลองเคาะสักไม้ สองไม้ไหมล่ะคะ

Back to top button