ERW ฮ็อปอินน์โตเกียว.!

ที่ผ่านมา ถ้าพูดถึงหุ้นโรงแรมที่อยู่ในเรดาร์ของนักวิเคราะห์และนักลงทุนลำดับแรก ๆ คงหนีไม่พ้น CENTEL และ MINT เนื่องจากเป็นที่รู้จักในระดับโลก


ที่ผ่านมา ถ้าพูดถึงหุ้นโรงแรมที่อยู่ในเรดาร์ของนักวิเคราะห์และนักลงทุนลำดับแรก ๆ คงหนีไม่พ้นบริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) หรือ CENTEL ของ “กลุ่มจิราธิวัฒน์” และบริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT ของ “วิลเลียม เอ็ลล์วู๊ด ไฮเน็ค” เนื่องจากมีแบรนด์เป็นที่รู้จักในระดับโลกและมีพอร์ตต่างประเทศค่อนข้างเยอะ…

ส่วนตัวเลือกรองลงมา เห็นจะเป็นบริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ERW ของ “กลุ่มน้ำตาลมิตรผล” ที่ถูกพูดถึง อาจด้วย ERW เน้นทำมาหากินในประเทศเป็นหลัก โดยเฉพาะหัวเมืองท่องเที่ยวสำคัญของไทย ไม่ว่าจะเป็นกรุงเทพฯ ภูเก็ต กระบี่ หัวหิน พัทยา และสมุย เป็นต้น ขณะที่พอร์ตในต่างประเทศมีแค่ที่ฟิลิปปินส์เท่านั้น…

ดังนั้น ถ้าเกี่ยวโยงกับต่างประเทศ ก็มักถูกมองข้ามหัวไป…

แต่นับจากนี้น่าจะเริ่มเห็นหัวแล้ว หลังจาก ERW ส่ง 2 บริษัทลูกเข้าลงทุนโรงแรมในประเทศญี่ปุ่น 4 โครงการ มูลค่ารวม 1,700 ล้านบาท แบ่งเป็น การรวบหัวรวบหาง (ซื้อ) โรงแรม 3 โครงการ ได้แก่ โครงการที่ 1 ย่านอิดาบาชิ (Iidabashi) ณ กรุงโตเกียว ภายใต้บริษัท Infinity Japan Tokyo 2 Godo Kaisha, โครงการที่ 2 ณ กรุงเกียวโต ภายใต้บริษัท Infinity Japan Kyoto 1 Godo Kaisha และโครงการที่ 3 ย่านอุเอโนะ (Ueno) ณ กรุงโตเกียว ภายใต้บริษัท Infinity Japan Tokyo 1 Godo Kaisha…สัดส่วนการถือหุ้นแต่ละโครงการ 100% โดยดำเนินการผ่านบริษัทลูกที่ชื่อ บริษัท เอราวัณ ฮ็อป อินน์ จำกัด

รวมทั้งส่งบริษัทลูกอีกบริษัท ซึ่งอยู่ที่ญี่ปุ่น ชื่อว่า บริษัท ฮ็อป อินน์ ระคุ คะบุชิกิ ไคชะ เข้าทำสัญญาเช่าทรัพย์สินเพื่อประกอบกิจการโรงแรมจำนวน 1 โครงการ คือ โครงการที่ 4 ย่านอาซากุสะ (Asakusa) บริเวณนิเทนมอน (Nitenmon) ณ กรุงโตเกียว สัญญาเช่า 30 ปี เริ่มวันที่ 1 ก.ย. 2566 ถึงวันที่ 31 ส.ค. 2596

หลายคนคงสงสัยว่า การสร้างพอร์ตต่างประเทศของ ERW ครั้งนี้ ทำไมต้องเป็นที่ญี่ปุ่น..?

ถ้าให้เดาใจ…อาจเป็นเพราะญี่ปุ่นเป็นประเทศที่เป็นหมุดหมายสำคัญของนักท่องเที่ยวต่างชาติ (รวมทั้งคนไทย) ดังนั้นเมื่อญี่ปุนกลับมาเปิดประเทศหลังโควิดคลี่คลาย ก็ทำให้บรรดานักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้าไปท่องเที่ยวในญี่ปุ่น สะท้อนได้จากสายการบินต่าง ๆ ที่พร้อมใจกันเปิดเส้นทางบินไปญี่ปุ่นมากขึ้น

ERW คงเห็นโอกาสตรงนี้ละมั้ง..!! ก็เลยเป็นที่มาของปฏิบัติการรวบหัวรวบหางโรงแรม 3 โครงการ และเช่าอีก 1 โครงการ เพื่อรองรับการกลับมาของกลุ่มนักท่องเที่ยวระดับกลาง-ล่างทั่วโลก

ซึ่งจะทำให้ 1) จากเดิม ERW มีพอร์ตในต่างประเทศแค่ที่ฟิลิปปินส์ จะเพิ่มที่ญี่ปุ่นเข้ามาด้วย โดยมีห้องพักพุ่งพรวดรวมทั้งสิ้น 373 ห้อง ซึ่งคาดว่าจะเปิดให้บริการได้ครบทั้งหมดในไตรมาส 1/2567

และ 2) เป็นการสร้างแบรนด์ในต่างประเทศ โดยเฉพาะแบรนด์ “ฮ็อปอินน์” ซึ่งเป็นเรือธงในกลุ่มบัดเจ็ตโฮเทลของ ERW ให้เป็นที่รู้จัก ขณะเดียวกันเป็นการเพิ่มสัดส่วนรายได้และกำไรที่เกิดจากฐานลูกค้าในต่างประเทศให้มากขึ้นด้วย

กลายเป็นอีกสตอรี่เชิงบวกที่จะมาหนุนการเติบโต ซึ่งล่าสุด ERW แจ้งว่า ปฏิบัติการรวบหัวรวบหางโรงแรม 3 โครงการ และเช่าอีก 1 โครงการในญี่ปุ่น เสร็จสมบูรณ์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ก็น่าจับตาว่า นอกจากญี่ปุ่นแล้ว จะขยับไปประเทศไหนอีกบ้าง..? ซึ่งเชื่อว่า ERW คงไม่หยุดแค่ญี่ปุ่นหรอกมั้ง

ส่วนการรุกไปลงทุนในญี่ปุ่นครั้งนี้ จะทำให้ ERW กลับมาโตแรงแซงทางโค้งได้อ๊ะป่าว..? และจะสามารถอัพเลเวลจากหุ้นโรงแรมเบอร์รอง มาเป็นเบอร์หนึ่งในใจนักวิเคราะห์และนักลงทุนได้มั้ย..?

ก็ไม่รู้สินะ…

…อิ อิ อิ…

Back to top button