หุ้นแบงก์ย่อซื้อ ขึ้นขาย

ภาพรวมตลาดหุ้นไทยยังจะเป็นขาลง ในทางเทคนิค นักวิเคราะห์ต่างมองตรงกันว่า แนวรับสำคัญคือ 1,507 จุด (วานนี้ปิด 1,507.90)


ภาพรวมตลาดหุ้นไทยยังจะเป็นขาลง

ในทางเทคนิค นักวิเคราะห์ต่างมองตรงกันว่า แนวรับสำคัญคือ 1,507 จุด (วานนี้ปิด 1,507.90)

หากดัชนีหลุดแนวรับดังกล่าว

มีโอกาสที่ดัชนีจะลงมาต่ำกว่า 1,500 จุด

ถึงเวลานั้น อาจจะต้องตัวใครตัวมัน

สภาพตลาดแบบนี้ นักวิเคราะห์แต่ละสำนักมักจะแนะนำให้เล่น “ธีมหุ้น แบบมีปัจจัยบวกเฉพาะตัว

และหนึ่งในธีมหุ้นที่ต่างแนะนำตรงกันคือ “กลุ่มธนาคาร”

เพียงแต่ว่าที่จะแตกต่างกันคือ หุ้นในกลุุ่มธนาคารที่เขาแนะนำกันนั้นจะมองไม่เหมือนกันในบางตัว

วานนี้ เข้าไปดูเส้นกราฟของกลุ่มธนาคาร

ความน่าสนใจอยู่ตรงที่ ดัชนีกลุ่มแบงก์ขึ้นมาระดับสูงสุดที่ 413 จุด ในช่วงปลายเดือน สิงหาคม 2566

และก่อนที่ดัชนีกลุ่มฯ จะขึ้นมาที่ระดับนี้ได้ พบว่า มีการวิ่งขึ้นมาตลอดนับจากช่วงต้นเดือน เมษายน 2566 ที่ดัชนีลงไปลึกถึง 358 จุด

ในระหว่างทางที่ดัชนีขึ้นมาแตะ 413 จุด

มีการพักฐานเป็นช่วง ๆ

โดยฐานที่สำคัญคือระดับ 395 จุด ก่อนจะวิ่งขึ้นมาแตะ 413 จุด

ล่าสุดในช่วงต้นสัปดาห์นี้

ดัชนีได้ปรับหรือย่อตัวลงมาต่อเนื่อง และมาเคลื่อนไหวที่บริเวณ 392-398 จุด

สมมุติว่า หากดัชนีกลุ่มแบงก์หลุดจากแนวรับดังกล่าว จะมีแนวรับถัดไปคือ 384-387 จุด

แต่ดูทางเทคนิค บวกกับพื้นฐานของหุ้นแบงก์ขนาดใหญ่ที่ราคาลงมาต่อเนื่องแล้ว

น่าจะค่อนข้างยากที่จะทำให้ให้ดัชนีกลุ่มฯ ลงมาลึกขนาดนั้นได้

ทำให้เราเห็นคำแนะนำให้ทยอยซื้อหุ้นในกลุ่มธนาคารค่อนข้างมากในขณะนี้

ในด้านพื้นฐานหุ้นกลุ่มธนาคาร

ถูกคาดหมายว่า ไตรมาส 3/66 แนวโน้มกำไรยังมีทิศทางที่ดี

รายได้จากส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย หรือ Net interest margin (NIM) ยังช่วยดันกำไรจากอัตราดอกเบี้ยที่เป็นขาขึ้น

รายได้จากค่าธรรมเนียมแต่ละแบงก์ยังทำได้ดี

แต่ละแบงก์ยังคงยกการ์ดสูง มีเงินกองทุนแน่นเปรี๊ยะ และ Coverage ratio ระดับสูง และคุมเอ็นพีแอลได้ดี จึงไม่น่าจะมีปัญหาเรื่องการตั้งสำรองฯ

หากส่องกราฟหุ้นแบงก์แบบรายตัว

แบงก์กรุงเทพ หรือ BBL ราคาย่อตัวมาจาก 174.50 บาท มีแนวรับอยู่ที่ 165-164 บาท

ก่อนหน้านี้ ราคาลงมาแนวรับพอดี แต่ไม่หลุด

ล่าสุดราคาเคลื่อนไหวบริเวณ 165-167 บาท

ส่วนแนวรับล่าสุดของ BBL อยู่ที่ 156 บาท แต่ทั้งในทางพื้นฐานและเทคนิค ยากมาก ๆ ที่ราคาหุ้นจะลงลึกที่ระดับราคานี้ได้

เอสซีบี เอกซ์ หรือ SCB ราคาขึ้นมาแตะ 118 บาท เมื่อต้นเดือน กันยายน 2566

หลังจากนั้นเกิดการพักฐาน ราคาย่อตัวลงมาต่อเนื่อง และมาเคลื่อนไหว 110 บาท +/– ส่วนแนวรับ คือ 110-107 บาท

SCB ยังคงเป็นหุ้นแบงก์ขนาดใหญ่ที่มี Dividend yield น่าสนใจ

กรุงไทย หรือ KTB ราคาขึ้นไปชนแนวต้าน 20.50 บาท 

ที่บริเวณราคานี้ ทำให้เกิดอัพไซด์ค่อนข้างจำกัด คือ ราคาไปต่อยาก จึงต้องย่อตัวลงมาหาฐานกันใหม่

แนวรับ 19.00-18.60 บาท น่าสนใจ

แบงก์กสิกรไทย หรือ KBANK ทิศทางเส้นกราฟออกมาเหมือน ๆ กันกับอีก 3 แบงก์ใหญ่

ราคาได้ย่อตัวลงมาจากบริเวณ 132-133 บาท เมื่อปลายเดือน สิงหาคม 2566

ล่าสุด มาอยู่ระหว่าง 127-128 บาท เป็นระดับแนวรับพอดี

ส่วนแนวรับถัดไปคือ 126-125 บาท แต่มองแล้วว่าน่าจะยาก เพราะอย่างวานนี้ ราคาที่ 127.50–127.00 บาท มีแรงเข้ามารับซื้อค่อนข้างมาก

ส่วนแนวต้านจิตวิทยาคือ 130.00 บาท

หุ้นแบงก์อีกตัวถือว่าน่าสนใจ คือ แบงก์ทหารไทยธนชาต หรือ TTB

เพราะราคาลงมาจาก 1.80 บาท แล้วอยู่ระหว่างสร้างฐานบริเวณ 1.70-1.71 บาท และมีแนวรับถัดไป 1.68 บาท

ส่วนหุ้นแบงก์เล็กคือ TISCO หลังจากปรับนโยบายจ่ายเงินปันผลปีละ 2 ครั้ง

ถือว่าเป็นกลยุทธ์ในการช่วยรักษาเสถียรภาพราคาหุ้นได้ดีมาก ๆ 

หลังขึ้น XD ปันผลระหว่างกาล ราคาหุ้นไม่ได้ปรับลงแรง และล่าสุดมาเคลื่อนไหวที่ 100 บาท +/- เล็กน้อย

หากราคาย่อตัวลงมาต่ำกว่า 100 บาท หรือบริเวณ 97-98 บาท ถือว่าน่าสะสม

ภาพรวมของหุ้นกลุ่มแบงก์

จึงถูกแนะนำว่า หากราคาย่อตัว (มาอยู่ที่แนวรับ) ให้ซื้อ และเมื่อขึ้นให้ขาย

X
Back to top button