7 หุ้นน่าสะสม Q4

วานนี้ (4 ต.ค.) บล.เอเซีย พลัส ASPS พูดถึงหุ้นน่าลงทุนไตรมาส 4/66 โดยมีการฉายภาพรวมตลาดหุ้นไทยช่วงที่ผ่านมา เกี่ยวกับปัจจัยของการปรับตัวลดลง


วานนี้ (4 ต.ค.) บล.เอเซีย พลัส ASPS พูดถึงหุ้นน่าลงทุนไตรมาส 4/66

โดยมีการฉายภาพรวมตลาดหุ้นไทยช่วงที่ผ่านมา เกี่ยวกับปัจจัยของการปรับตัวลดลง

เหตุมาจากการ “ปรับสมดุลของตลาดฯ” ในเรื่องบอนด์ยีลด์ และอัตราแลกเปลี่ยน ทำให้เกิดการถ่ายเทของฟันด์โฟลว์ โดยบอนด์ยีลด์สูงขึ้น ทำให้เกิดช่องว่าง “ฟันด์โฟลว์” จึงไหลออก

และถูกสะท้อนไปที่อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทจึงอ่อนค่าลง

ดังนั้น เมื่อถึงจุดหนึ่งอาการสมดุลคงเริ่มเกิดขึ้น แต่ต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่ง

ฉะนั้นในช่วงที่เกิดการปรับสมดุลจึงทำให้ตลาดฯ ผันผวน

และเมื่อมีข่าวเข้ามากระทบ แม้จะเพียงเล็กน้อย จะทำให้ความผันผวนแรงขึ้น

ASPS บอกด้วยว่าหากดูในมุมของ “ปัจจัยพื้นฐาน”

ราคาหุ้นถือว่าถูกแล้ว

และรอแค่การปรับสมดุลของตลาดจบลง ตลาดหุ้นไทยจะ “กลับมายืนได้ปกติ”

ส่วนการประเมินภาพรวมการลงทุนของตลาดหุ้นไทยในช่วงไตรมาส 4/2566

มีโอกาสลุ้นกลับทิศเป็นขาขึ้น

แม้จะมีความเสี่ยงการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐฯ

ทว่าด้วยสถานการณ์เงินเฟ้อที่ทยอยดีขึ้น ทำให้ “วัฏจักรการขึ้นดอกเบี้ย” ของเฟด “ใกล้จบ”

ตลาดคาดว่าเฟดน่าจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ 5.5% จนถึงสิ้นปี

ส่วนเศรษฐกิจจีนเริ่มเห็นสัญญาณฟื้นตัว หลังตัวเลขสำคัญทางเศรษฐกิจที่ออกมาสูงกว่าคาด เช่น PMI ภาคการผลิต, ยอดนำเข้า-ส่งออก, CPI, PPI, ฯลฯ

ส่วนของประเทศไทยทั้งทิศทางเศรษฐกิจและกำไรบริษัทจดทะเบียน

ยังมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อนับตั้งแต่ครึ่งหลังของปี 2566

โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่น และแรงกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านนโยบายของภาครัฐฯ

ช่วงครึ่งปีหลังตลาดหุ้นไทยมีความน่าลงทุนมากขึ้น หลังปัจจัยต่างประเทศเริ่มผ่อนคลายลง

ส่วนประเด็นในประเทศเห็นพัฒนาการเชิงบวกมากเรื่อย ๆ หลังผ่านระยะเวลาการเปลี่ยนผ่านรัฐบาลใหม่ และน่าจะเห็นการเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปี ทั้งการลดราคาพลังงาน ฟรีค่าธรรมเนียม VISA สำหรับนักท่องเที่ยว และความคาดหวังการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท ในระยะถัดไป 

ในมุมฟันด์โฟลว์หลังจากที่ต่างชาติขายสุทธิตราสารหนี้ไทย 1.6 แสนล้านบาท และหุ้นไทยอีก 1.4 แสนล้านบาท ในปีนี้

ล่าสุด เหลือสัดส่วนการถือครองทางตรงหุ้นไทยต่ำเพียง 23.9%

ASPS หวังว่าจะเห็นการสลับเข้ามาซื้อสะสมสุทธิหุ้นไทยมากขึ้นช่วงที่เหลือของปี

โดยสถิติไตรมาส 4 มักจะเป็นฤดูกาลที่นักลงทุนต่างชาติซื้อสะสมหุ้นไทยอยู่แล้ว สะท้อนได้จากใน 3 ปีที่ผ่านมา ต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นในไตรมาสนี้ทุกปี

โดยซื้อสุทธิเฉลี่ย 3.1 หมื่นล้านบาท 

ภายใต้ดัชนีที่ย่อตัวลงมามากกว่า 10% ในปีนี้ จนมี PBV เหลือเพียง 1.46 เท่า ถือว่าอยู่ในโซนที่ดาวน์ไซด์จำกัด

และยังมีอัพไซด์จากการประเมินเป้าหมายดัชนีปี 2566

กลยุทธ์การลงทุนแนะนำทยอยสะสมหุ้นเมื่อหุ้นไทยมีมูลค่าเริ่มน่าสนใจในภาวะปัจจุบัน

โดยเลือกหุ้นพื้นฐานเด่น ราคาน่าสะสม และมีปัจจัยเฉพาะตัวหนุนให้มีโอกาสฟื้นตัวเด่นกว่าตลาด คือ AOT, SCGP, PTTEP, TOP, BCPG, TU และ III

Back to top button