พาราสาวะถี

บทสรุปเป็นอย่างไรไม่มีใครคาดเดาได้ สงครามระหว่างกลุ่มฮามาสกับอิสราเอลที่ปะทุขึ้นมาตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา


บทสรุปเป็นอย่างไรไม่มีใครคาดเดาได้ สงครามระหว่างกลุ่มฮามาสกับอิสราเอลที่ปะทุขึ้นมาตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา ยังคงมีการตอบโต้กันด้วยอาวุธหนักต่อเนื่อง แต่ที่ได้รับผลกระทบในส่วนของคนต่างชาติกลายเป็นคนไทยที่ไปขายแรงงานในดินแดนยิว ซึ่งล่าสุดยอดของผู้เสียชีวิตขยับไปอยู่ที่ 20 ศพ สูงที่สุดในบรรดาคนต่างชาติที่อยู่ในอิสราเอล ตรงนี้เป็นสิ่งที่รัฐบาลจะต้องเร่งให้ความช่วยเหลือคนไทย 5 พันกว่าคนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยให้เกิดความปลอดภัยมากที่สุด

ขึ้นชื่อว่าสงครามและเป็นการสู้รบของพวกติดอาวุธที่บ้าคลั่ง จึงไม่ละเว้นไม่ว่าจะเป็นเด็ก คนแก่ ผู้หญิง หรือประชาชนคนบริสุทธิ์ทั้งหลาย ได้แต่เอาใจช่วย ภาวนาให้คนไทยในพื้นที่อันตรายอยู่รอดปลอดภัย ส่วนใครที่แสดงความประสงค์ยังไม่อยากกลับประเทศไทย ด้วยความหวังว่าเมื่อสถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติแล้วจะได้ทำงาน ส่งเงินกลับบ้านเพื่อปลดเปลื้องหนี้สินที่หยิบยืมหรือสร้างขึ้นหลังเดินทางไปถึงที่นั่น เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ก็เข้าใจและเห็นใจ นี่คือความจริงที่อยู่คู่คนยากจนผู้ที่ต้องดิ้นรน ปากกัดตีนถีบแม้รู้ว่าเสี่ยงชีวิตก็ไม่มีทางเลือกนอกจากกัดฟันสู้กันต่อไป

กลายเป็นประเด็นร้อนไปไกลถึงขนาดพวกที่ต่อต้านปลุกผีรัฐประหารกันแล้ว กับนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต เรียกได้ว่าเป็นการเตะตัดขากันตั้งแต่ยังไม่ได้ก้าวเท้าออกจากมุม ทั้งที่ความจริงแล้วเรื่องนี้ควรปล่อยให้ฝ่ายนำเสนอนโยบายได้บริหารจัดการตามแผนงานที่ได้วางไว้ ดีไม่ดีอย่างไร ไม่ใช่ว่าใครไม่เห็นด้วยก็ตัดสินว่าไม่ให้ทำ หรือฟันธงว่าสร้างความเสียหายให้ประเทศ หากรัฐบาลดำเนินการแล้วก่อให้เกิดหายนะกับประเทศจริง ประชาชนเจ้าของประเทศจะเป็นผู้ลงโทษเอง

จะเห็นได้ว่าคณะกรรมการที่ เศรษฐา ทวีสิน แต่งตั้งขึ้นมาเพื่อพิจารณานโยบายนี้ มีตัวแทนจากหลากหลายกลุ่ม ล้วนแล้วแต่เป็นผู้ทรงคุณวุฒิ มีความรู้ ความสามารถ โดยเฉพาะ เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งก็มีความเห็นที่แตกต่างจากฝ่ายบริหารหลายประการ ต้องเข้าไปถกเถียงกันให้ตกผลึก หากนำเสนอกันจนเป็นมติออกมาแล้ว ก็ต้องยอมรับเสียงข้างมากว่าต้องการเช่นกัน ไม่จำเป็นที่จะต้องไปสร้างความสับสน หรือปลุกระดมเพื่อให้เกิดการต่อต้าน

ชี้ให้เห็นไปแล้วว่าเห็นหนังหน้าของหลายรายที่เคลื่อนไหวก็รู้กันอยู่เป็นพวกขาประจำ ไม่สังฆกรรมกับคนในเครือข่ายระบอบอุปโลกน์อย่างระบอบทักษิณ ไม่ว่าจะนำเสนอสิ่งดีขนาดไหนก็ตาม ดังนั้น จึงไม่ต้องแปลกใจหากยังได้ยินเสียงเรียกร้องให้ใช้ปลายกระบอกปืนแก้ปัญหา อาจจะคิดว่ามีชนวนที่ทำให้ผู้นำเหล่าทัพไม่พอใจกับการที่เศรษฐาประกาศจะตัดงบประมาณซื้ออาวุธของกองทัพ หวังเสี้ยมให้เกิดการรวบหัวรวบหาง บอนไซประชาธิปไตยกันอีกกระทอก

อย่างที่บอก การรัฐประหารเมื่อกันยายน 2549 ที่ว่าเสียของ รัฐประหารพฤษภาคม 2557 ได้รัฐธรรมนูญฉบับสืบทอดอำนาจ พร้อมกลไกเพื่อการอยู่ยาว แต่ประชาธิปไตยต่ำเตี้ยเรี่ยดินเป็นที่ดูแคลนของนานาอารยะประเทศ ไม่ต้องพูดถึงความเจริญก้าวหน้าของบ้านเมือง นอกเหนือจากกลุ่มเกาะกุมอำนาจและนายทุน เจ้าสัวที่ได้รับอานิสงส์กันแบบเต็มคราบแล้ว ประชาชนคนส่วนใหญ่ไม่ได้รับมรรคผลใด ๆ คุณภาพชีวิตมีแต่สาละวันเตี้ยลง

คงไม่ต้องบอกว่า ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจอึดอัดกับการสวมหัวโขนจากขบวนการสืบทอดอำนาจขนาดไหน กลืนไม่เข้าคายไม่ออก กว่าจะสลัดหลุดลงจากหลังเสือแบบไม่ต้องเจ็บเนื้อเจ็บตัว ต้องใช้เวลากว่า 9 ปี อาจไม่สะบักสะบอม แต่ก็น้อง ๆ เสียผู้เสียคน เพราะถูกมองว่าเป็นคนตระบัดสัตย์ขอเวลาอีกไม่นานก็ดันอยู่ยาว เราจะทำตามสัญญากลายเป็นโมฆะบุรุษ ที่สุดของความเจ็บปวดคือ จะคืนความสุขให้คนไทย กลายเป็นยิ่งอยู่คนไทยยิ่งทุกข์ขึ้นตลอดเวลา

ตัวอย่างมีให้เห็นแบบนี้ถามว่า มีผู้นำเหล่าทัพคนไหนอยากจะเดินตามบ้าง บรรดาพวกเสี้ยมชี้นิ้วออกไปก็เห็นกันหน้าสลอน มีเบื้องลึกปมหลังอย่างไร และเป้าหมายของการเคลื่อนไหวต้องการอะไร ยิ่งบางคนกลายเป็นพวกหลักลอย เคยมีหัวโขนเป็นถึงคนจัดการเลือกตั้งของประเทศ แต่ทำตัวเป็นขี้ข้าม็อบนกหวีดถึงขนาดประกาศตัวต้องเอียงตามกระแส วันนี้จะมาฟอกตัวเป็นคนดีมีสำนึกรักประเทศ ห่วงประชาชน มันบัดซบขนาดไหน ถ้าปล่อยให้การเมืองเดินตามครรลองของระบบ เป็นไปตามระบอบ บ้านเมืองคงไม่เสียหาย ประชาธิปไตยคงไม่ย่อยยับ และเศรษฐกิจคงไม่พังพาบขนาดนี้

ส่วนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หลัง ภูมิธรรม เวชยชัย นั่งหัวโต๊ะถกประธานการประชุมคณะกรรมการเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางในการทำประชามติ เพื่อแก้ไขปัญหาความเห็นที่แตกต่างในเรื่องรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 นัดแรกไปเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา เคาะตั้งคณะอนุกรรมการ 2 ชุด คณะแรกไปรับฟังความคิดเห็นจากกลุ่มอาชีพต่าง ๆ เกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างกว้างขวาง โดยใช้เวลาจำกัด ไม่ดึงเวลา 

อีกคณะจะศึกษาแนวทางการทำประชามติ ให้สอดคล้องกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ และกำหนดว่าจะทำประชามติ 2 หรือ 3 ครั้ง ซึ่งจะให้เวลา 2-3 วันในการแต่งตั้งอนุกรรมการ เพื่อให้กรรมการชุดใหญ่แต่ละคนเข้าไปสมัครโดยความสมัครใจ เมื่อไม่ประวิงเวลาก็ต้องทำให้ทุกอย่างชัดเจน กรอบเวลาที่ว่าจะเสร็จภายใน 4 ปีฟังดูดี แต่ไม่เป็นผลดีในทางการเมือง ทำยังไงให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญประชาชนทุกคนรู้สึกมีส่วนร่วมและพร้อมสนับสนุนรัฐบาล ไม่ใช่เป็นสารตั้งต้นของการก่อความขัดแย้งรอบใหม่

มีคำถามตัวโตกับพรรคก้าวไกลอยู่ไม่น้อยในฐานะผู้นำเสนอนโยบายความเท่าเทียมทางเพศ การลดความเหลื่อมล้ำ การคุกคามทางเพศ แต่มีข่าว สส.ทำร้ายร่างกายผู้หญิง ผู้สมัคร สส.แสดงความกร่างในที่สาธารณะ ล่าสุด ก็เป็นเรื่อง สส.หื่นแชตคุกคามทางเพศหญิงสาว เข้าใจว่ามีภาพของความเป็นคนรุ่นใหม่ มีความมั่นใจสูง แต่พฤติกรรมและการแสดงออกที่มีอยู่อย่างต่อเนื่อง คงต้องให้ผู้บริหารพรรคกลับไปทบทวน หรือคนเหล่านี้จะเป็นพวกไอคิวดีอีคิวต่ำ อยู่ร่วมกับคนในสังคมหมู่มากได้ลำบาก

Back to top button