MTC-TIDLOR ดอกเบี้ยกดทับกำไร

จากที่ว่ากันว่า ดอกเบี้ยขาขึ้นเป็นของแสลงของกลุ่มไฟแนนซ์ เพราะจะทำให้มีต้นทุนทางการเงินพุ่งปรี๊ดดดนั้น เป็นที่ประจักษ์แล้วว่า จริงแฮะ..!?


จากที่ว่ากันว่า ดอกเบี้ยขาขึ้นเป็นของแสลงของกลุ่มไฟแนนซ์ เพราะจะทำให้มีต้นทุนทางการเงินพุ่งปรี๊ดดดนั้น เป็นที่ประจักษ์แล้วว่า จริงแฮะ..!?

สะท้อนได้จากผลการดำเนินงานของสองไฟแนนซ์ชื่อดังอย่างบริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ MTC ของ “เฮียชูชาติ เพ็ชรอำไพ” และบริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) หรือ TIDLOR ภายใต้การนำทัพของ “ปิยะศักดิ์ อุกฤษฎ์นุกูล” ที่ประกาศงบไตรมาส 3/2566 ออกมา ถูกต้นทุนทางการเงินกดทับกำไร…ทำให้กำไรเฉิดฉายได้ไม่เต็มที่..!!

…แหม เสียดายจัง. เฮ้อ เสียดายจัง…

เริ่มกันที่ MTC ในไตรมาส 3/2566 รายงานกำไรสุทธิ 1,285 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.64% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1,205 ล้านบาท

ทั้ง ๆ ที่ขาของรายได้ถือว่าทำได้ดี มีรายได้รวมอยู่ที่ 6,299 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.49% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 5,185 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นรายได้ดอกเบี้ยในการให้บริการสินเชื่อและสัญญาเช่าซื้อ 6,063 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22.26% รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการ 218 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.83% และรายได้อื่น 18 ล้านบาท ลดลง 10%

โดยมีกำไรจากการดำเนินงานอยู่ที่ 3,908 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23.01% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 3,177 ล้านบาท

แล้วถ้าไปดูการตั้งสำรองฯ หรือผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น ก็ไม่ได้มีนัยยะอะไร ในไตรมาสนี้ตั้งสำรองฯ อยู่ที่ 965 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งตั้งสำรองฯ อยู่ที่ 959 ล้านบาท

แต่ตัวที่กดทับกำไรเป็นขาของต้นทุน โดยเฉพาะต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มขึ้น 36.23% อยู่ที่ 1,004 ล้านบาท ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการขายและบริการเพิ่มขึ้น 19.07% อยู่ที่ 2,391 ล้านบาท

ส่วนสาเหตุที่ทำให้ MTC มีภาระต้นทุนทางการเงินสูง เนื่องจากเป็นไฟแนนซ์ที่ไม่มีแบงก์เป็นแบ็กอัพ ทำให้เสียเปรียบไฟแนนซ์ค่ายอื่น ไม่งั้นคงเห็นกำไรของ MTC เบ่งบานกว่านี้…

แต่ทฤษฎีนี้อาจไม่เสมอไปหรือเปล่า..?? เพราะฟาก TIDLOR ซึ่งรายงานกำไรสุทธิในไตรมาส 3/2566 อยู่ที่ 1,006 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 901 ล้านบาท…แม้เป็นผลงานที่ดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ แต่ถ้าไม่ถูกต้นทุนการเงินกัดกร่อนกำไร ก็น่าจะเห็นตัวเลขที่สูงกว่านี้นะ

เนื่องจากรายได้รวมเติบโตดีอยู่ที่ 4,834 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 3,930 ล้านบาท แบ่งเป็น รายได้ดอกเบี้ยรับจากเงินให้กู้ยืมและลูกหนี้ตามสัญญาเช่าซื้อ เพิ่มขึ้น 22.7% อยู่ที่ 4,000 ล้านบาท รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการเพิ่มขึ้น 24.6% อยู่ที่ 822 ล้านบาท และรายได้อื่นเพิ่มขึ้น 11.9% อยู่ที่ 11 ล้านบาท

โดยในไตรมาสนี้ TIDLOR มีการตั้งสำรองฯ หรือผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น 681 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งตั้งสำรองฯ อยู่ที่ 512 ล้านบาท

ประกอบกับขาของต้นทุนพุ่งติดจรวดตามการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายและสภาวะตลาดการเงิน โดยในไตรมาสนี้มีต้นทุนทางการเงินอยู่ที่ 483 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 54.3% และมีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร 2,409 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.5%

นี่ขนาดว่ามีแบงก์สีเหลือง ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) หรือ BAY เป็นแบ็กอัพให้แล้วนะ…ยังถูกต้นทุนทางการเงินกัดก่อนกำไรซะขนาดนี้…แล้วถ้าไม่มี BAY แบ็กอัพให้ล่ะ จะขนาดไหน..? ไม่อยากจะคิด…

ก็ต้องดูกันว่าไฟแนนซ์ค่ายอื่น ๆ จะเดินทับรอย MTC กับ TIDLOR หรือเปล่า..?

เดี๋ยวคงได้รู้กัน…

…อิ อิ อิ…

Back to top button