หุ้นเด้งแรง

ในที่สุดแรงซื้อที่หดหายไปเป็นเวลานานก็กลับมาอีกครั้ง ซึ่งต้องขอบคุณการดีดตัวอย่างร้อนแรงของดัชนีดาวโจนส์ และการทะยานขึ้นของตลาดหุ้นเอเชีย


ในที่สุดแรงซื้อที่หดหายไปเป็นเวลานานก็กลับมาอีกครั้ง ซึ่งต้องขอบคุณการดีดตัวอย่างร้อนแรงของดัชนีดาวโจนส์ และการทะยานขึ้นอย่างพร้อมเพรียงของตลาดหุ้นเอเชีย จึงทำให้ตลาดหุ้นไทยได้รับอานิสงส์ผลบุญไปด้วยเต็ม ๆ จนดัชนีวิ่งฝ่าแนวต้านสำคัญบริเวณ 1,400 จุดอย่างง่ายดาย ก่อนจะปิดไปที่ระดับ 1,415.17 จุด บวกไป 29.13 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 6.37 หมื่นล้านบาทแบบนี้..ปลื้มปริ่มสุด ๆ เลยจ้า!

ถึงกระนั้นก็มีคำถามตามหลังว่า ของจริงไหม? ซึ่งเดี๊ยนตอบได้ทันทีว่า ไม่รู้เหมือนกัน เพราะมองในมุมของแรงกดดันต่าง ๆ ที่ยังมีออกมาเป็นระลอก และตลาดหุ้นไทยยังเปราะบางเกินไป รวมถึงการเร่งผลักดันกองทุนพยุงหุ้นที่กำลังจะทำคลอดออกมา มันไม่โดนใจเหมือนที่เขาร่ำลือแม้แต่นิดเดียว “โมนิก้า” ถึงมองว่า วันนี้ยังเป็นเกมของการเล่นสั้น ๆ ในจังหวะที่ตลาดหุ้นไทยดีดกลับพะยะค่ะ

วันนี้เลยอยากเม้าท์ถึงดาวเด่นที่เคยร่วงโรย และกลับมาเจิดจรัสเป็นลำดับแรก โดยเฉพาะในรายของ EA ถือเป็นช็อตเด็ดที่ต้องเอ่ยถึงก่อนใครเพื่อน เพราะการพุ่งพรวดขึ้นมาปิดที่ระดับ 46.25 บาท บวกไป 4 บาท หรือขึ้นไป 9.50% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.21 พันล้านบาท โดยมีเรื่องซื้อหุ้นคืนเป็นจำนวนเงินที่มากถึงสามพันล้าน และยังมีเรื่องขายรถไฟฟ้าให้กับอินโดฯ ไม่ต่ำกว่าพันคันแบบนี้..มันเป็นช็อตที่ต้องโหนกระแสแบบไม่มีข้อแม้เจ้าค่ะ

เช่นเดียวกับในรายของ TIDLOR ที่ตกอยู่ในภวังค์มาพักใหญ่ ๆ เมื่อได้โอกาสเดบิวต์อีกครั้ง จึงออกลวดลายโชว์สเต็ปแบบสุดซอย จนราคาหุ้นขึ้นมาปิดที่ระดับ 22.90 บาท บวกไป 1.40 บาท หรือขึ้นไป 6.50% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.44 พันล้านบาทแบบนี้ “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องที่นักเล่นรู้อยู่เต็มอกตูม ๆ ว่า ขั้นต่ำราคาหุ้นควรขึ้นไปยืนอยู่ที่ 28 บาท แต่เผอิญฟ้าฝนไม่เป็นใจให้เล่น เลยทำให้หุ้นหงอยไปนานก็เท่านั้นเองค่ะ

คล้ายกับกรณีของเจ้าแม่นิคมอย่างหุ้น WHA ซึ่งทุกคนรู้ดีว่า ผลงานต่อจากนี้จะโตระเบิดระเบ้อ เพราะรถไฟฟ้าย้ายฐานการผลิตมาที่ไทย และที่ผ่านมาก็มีการเซ็นสัญญาขายที่ดินให้กับเจ้าต่าง ๆ ตลอดเวลา “โมนิก้า” เลยไม่กังขาใจเมื่อเห็นราคาหุ้นขึ้นมาปิดที่ระดับ 5.10 บาท บวกไป 0.28 บาท หรือขึ้นไป 5.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 657 ล้านบาท น่าจะต่ำเกินไปเมื่อเทียบกับศักยภาพในการทำกำไรที่มีอยู่นะออเจ้า

ประเด็นข้างต้นทำให้ “โมนิก้า” นึกถึงน้องมิ้น MINT ขึ้นมาทันที เพราะการที่หุ้นถูกถล่มขายไม่เลี้ยง ทั้งที่ภาพรวมในการทำธุรกิจก็ฟื้นตัวดีขึ้นเป็นลำดับ เดี๊ยนเลยเชื่อว่า การขึ้นมาปิดที่ระดับ 28 บาท บวกไป 1 บาท หรือขึ้นไป 3.70% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 688 ล้านบาท โดยยอดเก่าที่เคยเล่นเป็นประจำอยู่แถว 32-34 บาทแบบนี้ มันเป็นจังหวะของการไหลตามน้ำอย่างไม่ต้องสงสัยนะตัวเอง

ส่วนรายที่ขาดทุนบักโกรก แต่ราคาหุ้นดันเด้งแรง “โมนิก้า” ขอมองไปที่หุ้น BTG เพื่อชี้ให้เห็นการวิ่งขึ้นมาปิดที่ 21.80 บาท บวกไป 1.60 บาท หรือขึ้นไป 7.90% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 118 ล้านบาท คือการโหนกระแสภาวะตลาดหุ้นเต็ม ๆ และเป็นการเล่นบนความคาดหวังไตรมาส 4 จะกลับมาทำกำไร จึงเป็นเรื่องที่นักเล่นต้องประเมินผลได้ผลเสียกันเอาเอง เพราะสถานการณ์ของราคาหมูมันตกต่ำเหลือเกิน แถมยังมีเรื่องต้นทุนอาหารสัตว์สูงขึ้นค้ำคอแบบนี้..ไหวเหรอค่ะ

เม้าท์ถึงเรื่องหมูขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” ขอเอ่ยถึงเรื่องหมูเถื่อนกันสักหน่อย หลังปรากฏชื่อ “สมนึก” ซึ่งเป็นหัวเรือใหญ่ของ TH เป็นหนึ่งในตัวการขบวนการลักลอบดังกล่าว (ดีเอสไอออกหมายจับในฐานะกรรมการ บริษัท เรนโบว์ กรุ๊ป จำกัด) แบบนี้..มันชวนให้เดี๊ยนนึกย้อนไปถึงเรื่องราวครั้งก่อน โดยเจ้าตัวเข้าไปพัวพันกับขบวนการหุ้น MORE ซึ่งเปิดปฏิบัติการปล้นโบรกฯ ขึ้นมาทันที!..หรือว่าเฮียแกชอบเดินสายดาร์กมาตั้งแต่ต้น ก็บอกกันมาตรง ๆ คนเขาจะได้หายสงสัยค่ะ

ตบท้ายกันกันที่เรื่องราว JKN เป็นแบบน้ำจิ้มไว้ก่อน เพราะพื้นที่แค่นี้ก็คงไม่พอเล่าวีรกรรมที่ทำไว้ จึงขอยกยอดไปวันถัดไป จึงอยากบอกกับแฟนคลับว่า ประเด็นที่ “โมนิก้า” เคยจี้ให้ตอบ 2 พอยท์ใหญ่ ๆ เมื่อสองสามวันก่อน มันเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับ “กรรมการตรวจสอบ” กับ “งบไตรมาส 3” ซึ่งบัดนี้ได้เห็นแล้วว่า ทุกคนชิ่งหนีกันหมด! และปล่อยให้ “เจ๊แอน” ต้องยืนเดียวดายแบบนี้..ตายแน่..ตายแน่ แม่คุณเอ๋ย!

Back to top button