ตลาดหุ้นอินเดีย..ร้อนแรงที่ต้องระวัง.!?

หนึ่งในตลาดหุ้นภูมิภาคเอเชีย ที่เป็นทางเลือกนักลงทุนและมีอัตราการเติบโตสูงช่วงนี้ หนีไม่พ้น “ตลาดหุ้นอินเดีย” ด้วยมูลค่าตลาด 4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ


หนึ่งในตลาดหุ้นภูมิภาคเอเชีย ที่เป็นทางเลือกนักลงทุนและมีอัตราการเติบโตสูงช่วงนี้ หนีไม่พ้น “ตลาดหุ้นอินเดีย” ด้วยมูลค่าตลาด 4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ กำลังดึงดูดเงินทุนหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐ จากทั้งนักลงทุนในอินเดีย และต่างประเทศ

เนื่องจากนักลงทุนแห่กันเข้าลงทุน เพื่อเป็นตลาดทางเลือกเติบโตเร็ว เมื่อเทียบ “ตลาดหุ้นจีน” โดยไม่สนใจความเสี่ยงเกี่ยวกับต่าง ๆ อาทิ “ราคาหุ้นปรับขึ้นสูงเกินมูลค่าพื้นฐาน” และการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงอีกไม่นานนี้ รวมถึงความไม่แน่นอนด้านกฎระเบียบ

ข้อมูลจากบริษัทรับฝากหลักทรัพย์แห่งชาติของอินเดีย ระบุว่า การไหลเข้าของกระแสเงินลงทุนดังกล่าว ทำให้ดัชนีมาตรฐาน NSE Nifty 50 ของตลาดหุ้นอินเดีย ปรับตัวสูงขึ้นคิดเป็น 1 ใน 3 หรือประมาณ 33% ช่วง 10 เดือนที่ผ่านมา และดึงดูดเงินทุนต่างชาติไหลเข้า 20,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐช่วงปี 2566

จุดเด่นที่เป็นแรงดึงดูดของตลาดอินเดีย ที่เพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากนักลงทุนทั่วโลกต่างมุ่งหาตลาดทางเลือกทดแทน “ตลาดหุ้นจีน” ที่อ่อนแอ และความคาดหวังจากหลายคนที่เพิ่มมากขึ้นว่า การเลือกตั้งระดับชาติปีนี้ จะได้เห็นนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน “นเรนทรา โมดี” กลับคืนสู่ตำแหน่งเป็นสมัยที่ 3

ทำให้นักลงทุนทั้งหลายดูเหมือนว่า “กำลังมีความสุขจนมองข้ามความเสี่ยง” อาทิเช่น ระดับราคาของตลาดหุ้นที่สูง ช่วงขณะนี้และปัจจัยทางการเมืองอื่น ๆ

“วิกาส เพอร์แชด” ผู้จัดการกองทุนด้านตลาดเอเชียของบริษัท M&G อินเวสเมนท์ส ระบุว่าแม้ว่าจะมีการแรลลี่ของตลาดช่วงไม่นานนี้ หรือการเลือกตั้งที่กำลังใกล้จะมาถึง แต่มองว่าอินเดียเป็นตลาดที่ดีสำหรับนักลงทุนระยะยาว”

สำหรับการไหลเข้าของเงินสดสู่ตลาดหุ้น จากแผนการลงทุนของนักลงทุนรายย่อยปกติ ปัจจุบันเฉลี่ยอยู่ที่ 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อเดือน และการซื้อหุ้นของนักลงทุนสถาบันในประเทศ ยังเป็นแรงส่งสนับสนุนอีกด้วย

ส่วน “โกลด์แมน แซคส์” มองดัชนี Nifty ของตลาดหุ้นอินเดีย ปัจจุบันอยู่ที่ราว 22,000 จุด มีโอกาสปรับขึ้นแตะระดับ 23,500 จุด ภายในสิ้นปี 2567

ขณะที่บริษัทหลักทรัพย์ท้องถิ่นของอินเดีย ICICI คาดหมายว่า ดัชนีหุ้นอินเดียจะปรับเพิ่มขึ้น 14%

อย่างไรก็ดีตลาดหุ้นอินเดีย กลายมาเป็นหนึ่งในตลาดหุ้นที่แพงสุดของโลก ด้วยอัตราส่วน P/E ratio ล่วงหน้า 12 เดือน ที่ถือเป็นเกณฑ์ใช้วัดการประเมินมูลค่าหุ้นกันอย่างแพร่หลาย อยู่ที่ 22.8 เท่า สำหรับดัชนี Nifty 50 

ถือว่าสูงเป็น 3 เท่าของตลาดหุ้นจีนและสูงกว่าการประเมินมูลค่า P/E ของตลาดหุ้น S&P 500 ของสหรัฐฯ ที่ระดับ 20.23 เท่า อ้างอิงจากข้อมูลของ LSEG

แม้มีการประเมินมูลค่าหุ้นสูงมากของหลายคน แต่บริษัทหลักทรัพย์ ICICI ประมาณการว่า ผลประกอบการตลาด Nifty ของอินเดียจะเติบโตอัตราเฉลี่ย 16.3%

“เรมิ โอลุ พิทัน” หัวหน้าฝ่ายสินทรัพย์เติบโตและสินทรัพย์รายได้สม่ำเสมอหลากหลายของบริษัทจัดการลงทุน ชโรเดอร์ส์ (Schroders) ระบุว่า ความปรารถนาของนักลงทุนทั่วโลก ที่จะเป็นเจ้าของส่วนแบ่งตลาดที่เติบโตมากสุดในบรรดาประเทศในตลาดเกิดใหม่ กลายเป็นตัวเร่งให้เกิดขึ้น

แต่สิ่งนั้นหมายความว่า..จะอยู่ภายใต้การประเมินค่าของความอ่อนแอและความเสี่ยงต่าง ๆ

ข้อมูลจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ระบุว่า GDP ของอินเดียปี 2567 จะเติบโต 6.5% เทียบกับ GDP ของจีน ที่ประเมินไว้ระดับ 4.6% 

อย่างไรก็ดีตลาดหุ้นอินเดีย เริ่มกำลังเข้าสู่วงจร High Risk-High Return ที่ต้องพึงระวังอย่างยิ่ง.!?

Back to top button