MINT ทรงดี กำไรเด่น

กลับมาโชว์ผลการดำเนินงานเติบโตโดดเด่นอีกครั้ง สำหรับ MINT ซึ่งประกอบธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ธุรกิจโรงแรม และอื่น ๆ


คุณค่าบริษัท

กลับมาโชว์ผลการดำเนินงานเติบโตโดดเด่นอีกครั้ง สำหรับบริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT ซึ่งประกอบธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ธุรกิจโรงแรม และอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งประกาศกำไรสุทธิงวดปี 2566 อยู่ที่ 5,407 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26% จากปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 4,286 ล้านบาท และมีรายได้รวม 153,486 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22% จากปีก่อนที่มีรายได้รวม 125,910 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลการดำเนินงานที่เติบโตสูงกว่าปี 2562 อย่างมากทั้งก่อนและหลังการใช้เกณฑ์มาตรฐานการรายงานการเงิน (TFRS)

สาเหตุเป็นผลมาจากการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของกลุ่มธุรกิจโรงแรมที่มาจากความต้องการการท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น และกลยุทธ์การตั้งราคาของบริษัท อีกทั้งการฟื้นตัวของการรับประทานอาหารภายในร้านและการนําเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีนวัตกรรมใหม่ส่งผลให้การดําเนินงานของกลุ่มร้านอาหารเติบโตขึ้น

ขณะที่ งวดปี 2566 มีกําไรจากการดําเนินงานก่อนหักดอกเบี้ยจ่าย ภาษี และค่าเสื่อม (EBITDA) อยู่ที่ 42,742 ล้านบาท เติบโต 30% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 32,919 ล้านบาท

ถ้าโฟกัสงวดไตรมาส 4/2566 ก็ยังเติบโตได้ โดยมีกำไรสุทธิ 2,501 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 2,379 ล้านบาท และมีรายได้รวม 39,985 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้รวม 36,526 ล้านบาท เป็นผลมาจากกลยุทธ์การกำหนดราคา การบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพและผลิตผลจากการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะจากกลุ่มธุรกิจโรงแรม ส่งผลให้ EBITDA จากการดำเนินงานเติบโต 17% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และช่วยหนุนกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น

ที่น่าจับตา ถ้าดูจากแผนการดำเนินงานในช่วง 3 ปีจากนี้ (ปี 2567–2569) ซึ่งวางเป้าหมายจะมีอัตราการเติบโตของรายได้เฉลี่ย 8–10% ต่อปี และกำไรสุทธิจะเติบโตเฉลี่ย 15–20% ต่อปี โดยวางงบลงทุนระยะ 3 ปี ไว้ประมาณ 30,000 ล้านบาท โดยในปี 2567 จะใช้งบลงทุนประมาณ 10,000-13,000 ล้านบาท ส่วนใหญ่ใช้สำหรับปรับปรุงและรีแบรนด์ เพื่อผลักดันให้อัตราการเข้าพัก (OCR) อัตราค่าห้องพักเฉลี่ยต่อคืน (ADR) และอัตราค่าห้องพัก (Room rate) สูงขึ้น

บ่งบอกถึงความมั่นใจของผู้บริหารที่จะกลับมาเติบโตแข็งแกร่งอีกครั้ง

สอดคล้องกับมุมมองของนักวิเคราะห์ที่มองบวกต่อ MINT โดยบล.เคจีไอ ระบุว่า มองบวกต่อแผนกลยุทธ์ทางธุรกิจ 3 ปีของ MINT ซึ่งจะผลักดันให้รายได้เติบโต ขณะที่งบดุลมีความแข็งแกร่งมากขึ้น โดยธุรกิจโรงแรมในยุโรปน่าจะเป็นตัวหลักที่ ขับเคลื่อนการเติบโตต่อเนื่อง นอกจากนั้นการแข่งขันฟุตบอลยูโรในประเทศเยอรมนี (UEFA EURO 2024) จะเป็นปัจจัยหนุนในระยะสั้น

ทั้งนี้ ปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2567 ขึ้น 11% อยู่ที่ 8 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 48% จากปีก่อน เพื่อให้สอดคล้องกับกลยุทธ์ของบริษัทและโมเมนตัมการดำเนินงาน ซึ่งจะทำให้รายได้สูงขึ้นและรายจ่ายดอกเบี้ยต่ำลง

ด้านบล.ดาโอ ระบุว่า ยังคงประมาณการกำไรปกติปี 2567 ที่ 7.6 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% จากปีก่อน จากการฟื้นตัวในทุกประเทศ โดยเฉพาะที่ไทยและยุโรป ขณะที่คาดผลการดำเนินงานปกติในไตรมาส 1/2567 จะฟื้นตัวได้จากช่วงเดียวกันปีก่อน จากไฮซีซันที่ไทยและมัลดีฟส์ แต่จะลดลงจากไตรมาสก่อน เพราะเป็นช่วงโลว์ซีซันที่ยุโรป

สำหรับการประเมินมูลค่า (Valuation) ปัจจุบันราคาหุ้น MINT ซื้อขายกันที่ P/E ระดับ 31.82 เท่า เทียบกับ P/E ตลาดโดยรวมที่ระดับ 17.49 เท่า ถือว่าราคาซื้อขายสูงว่าตลาด อย่างไรก็ตามสอดคล้องกับ P/BV ที่ระดับ 2.25 เท่า ก็ถือว่าสูงกว่าค่าเฉลี่ยตลาดที่ปัจจุบันซื้อขาย P/BV เฉลี่ยที่ 1.34 เท่า โดยมีราคาเป้าหมายเฉลี่ยที่ 40.30 บาท จากราคาต่ำสุด 35 บาท และราคาสูงสุด 44 บาท

Back to top button