6 หุ้นน่าค้นหา

สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยในจังหวะที่โรบอทกลายเป็นคนคุมตลาด และบรรดาแมงเม่าเริ่มมีอาการถอดใจมากขึ้นเรื่อย ๆ


สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยในจังหวะที่โรบอทกลายเป็นคนคุมตลาด และบรรดาแมงเม่าเริ่มมีอาการถอดใจมากขึ้นเรื่อย ๆ หรือแม้กระทั่งบรรดากองทุนซึ่งเกิดอาการฝ่อถี่ ๆ มันกลายเป็นช็อตที่ทำให้บรรยากาศตลาดหุ้นดูอืด ๆ มากเหลือเกิน ซึ่งเป็นแรงกดดันที่ทำให้การขึ้นของเที่ยวนี้ไม่มั่นคงเอาเสียเลย ส่งผลให้การวิ่งฝ่าแนวต้านสำคัญบริเวณ 1,400 จุดกลายเป็นเรื่องยากนะจะบอกให้

วันนี้จึงไม่ต้องถามหาเหตุผลที่ดัชนีแกว่งตัวตลอดทั้งวัน จนสุดท้ายยืนปิดที่ระดับ 1,379.48 จุด บวกไป 1.54 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.74 หมื่นล้านบาท เพราะมันเป็นเรื่องเดิมแทบจะทั้งหมด รวมทั้งไม่มีประเด็นที่จะช่วยให้เม็ดเงินในระบบเศรษฐกิจสะพัดขึ้นกว่าเดิม “โมนิก้า” ถึงพยายามเม้าท์ถึงเรื่องใหม่ ๆ เพื่อเปิดเป็นทางเลือกให้กับแฟนคลับ เพราะอย่างน้อยก็ทำให้แฟนคลับได้รับข้อมูลที่กว้างขึ้นไงล่ะคะ

ด้วยสถานการณ์ดังกล่าวทำให้ “โมนิก้า” อยากเม้าท์ถึงหุ้นที่มีคนค้นหามากสุดในระบบเป็นประเด็นหลัก เพราะตรงนี้สื่อให้เห็นว่า นักลงทุนยังติดตามสถานการณ์ของหุ้นเหล่านั้นห่าง ๆ ซึ่งเป็นการย้ำหัวหมุดว่า นักลงทุนยังอยากซื้อหุ้น แต่เผอิญบรรยากาศไม่เป็นใจ จึงขอสวมบทเป็นผู้ดูสักพักหนึ่ง และเมื่อใดที่ตลาดหุ้นเริ่มกลับมาดีอีกครั้ง ก็พร้อมกระโจนลงสนามเทรดอย่างเต็มตัวนะออเจ้า

สำหรับหุ้นตัวแรกที่นักลงทุนแอบส่องมากสุดในตลาดก็หนีไม่พ้น PTT ซึ่งเป็นหุ้นที่เกี่ยวพันกับเรื่องก๊าซธรรมชาติที่จะเอามาผลิตไฟฟ้า ทุกฝ่ายเลยกังวลผลกระทบบางอย่างอาจทำให้กำไรพลาดเป้า เพราะการเมืองเข้ามาล้วงลูกหนักขึ้นเรื่อย ๆ ผนวกกับโดนภาคสังคมกดดันอย่างหนักผ่านทางโซเชียล จึงกลายเป็นหุ้นที่ทำอะไรแต่ละที ถูกจับตามากเป็นพิเศษ และการลงมายืนที่ฐาน 33.75 บาท ลบไป 0.25 บาท หรือลงไป 0.75% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.34 พันล้านบาท เลยเป็นอะไรที่น่าสนใจพะย่ะค่ะ

เช่นเดียวกับในรายของ SCB ก็ขึ้นแท่นหุ้นยอดนิยมเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากพัฒนาการในด้านต่าง ๆ เร็วกว่าแบงก์เจ้าอื่น โดยเฉพาะการดันตัวเองขึ้นไปเป็นโฮลดิ้งทำให้กำหนดยุทธศาสตร์ และสร้างโอกาสในการลงทุนใหม่ ๆ เพื่อผลตอบแทนที่ดีขึ้นได้คล่องตัว จึงกลายเป็นหุ้นกลุ่มการเงินไม่กี่ตัวที่ยกฐานสูงขึ้นได้ และการยืนปิดเสมอตัวที่ระดับ 114 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 365 ล้านบาท จึงน่าสนใจนะจ๊ะ

อีกตัวที่อยู่ในเรดาร์ของนักลงทุนก็คือ OR ซึ่งอาจมีปัญหาเรื่องราคาหุ้นไม่ไปไหนสักที และทำท่าจะสาละวันเตี้ยลงตลอดเวลา แต่อย่างน้อยนักเล่นก็ยังเกาะติดสถานการณ์ของหุ้นแบบใกล้ชิด “โมนิก้า” ถึงเห็นติดโผหุ้นที่นักลงทุนค้นหามากสุดเป็นลำดับต้น ๆ และถ้ามองจากการยืนปิดที่ระดับ 18.10 บาท บวกไป 0.20 บาท หรือขึ้นไป 1.10% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 421 ล้านบาท เทียบกับค่า PE ที่ระดับ 8.80 เท่า มันเป็นช็อตที่ชี้ว่า หุ้นตัวนี้น่าเล่นจริง ๆ นะตัวเอง

เช่นเดียวกับในรายของน้องดิ๊ฟ DIF อาจเป็นหุ้นที่การซื้อขายไม่หนาแน่นทุกวันก็จริง และราคาหุ้นก็หัวทิ่มดินเป็นเวลานาน แต่เชื่อหรือไม่ว่า นี่เป็นหุ้นที่นักลงทุนรายย่อยให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก และถ้าดูจากการแกว่งตัวไปมาที่ระดับ 7.90 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 78 ล้านบาท เป็นเวลานาน เทียบกับอัตราเงินปันผลตอบแทนที่ระดับ 7% “โมนิก้า” จึงต้องมองเป็นทางเลือกของนักลงทุนที่เน้นลงทุนระยะยาวอย่างแท้ทรูนะจ๊ะ

ส่วนรายที่คงเส้นคงวาความนิยมไม่แพ้กับรายข้างต้น “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้น SIRI แบบไม่กระพริบตา เพราะตั้งแต่ “เสี่ยนิด” ไปนั่งเป็นนายกฯ ก็ทำให้หุ้นตัวนี้ราศีจับเหลือเกิน และมีการเข้ามาเล่นเก็งกำไรกันอย่างสนุกสนาน ขณะที่หุ้นอสังหาฯ รายอื่นแกว่งตัวตุปัดตุเป๋กันทั้งนั้น มันกลายเป็นของที่ทุกคนต้องมีไปโดยปริยายแบบนี้ เดี๊ยนจึงเชื่อว่า หุ้นตัวนี้จะเล่นกันอีกยาวจ้า!

ตบท้ายกันที่ CPALL เพื่อชี้ให้เห็นความนิยมของหุ้นร้านสะดวกซื้อกันสักหน่อย เพราะการที่หุ้นติดกระดาน Most Active เป็นประจำ ก็เป็นเครื่องหมายการันตีได้ในระดับหนึ่ง ผนวกกับการที่ราคาหุ้นแกว่งตัว “ขึ้น ๆ ลง ๆ”  ก็เปิดช่องให้โรบอทเข้ามาปั่นกระแสอย่างสนุกสนาน จนกลายเป็นหุ้นซิ่งที่มีการขยับตัวขึ้นลงทีไร ต้องมีเรื่องโรบอทเข้ามาเกี่ยวข้องเป็นประจำ และทำให้หุ้นแกว่งตัวไปมาในกรอบ 52-58 บาทในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาเจ้าค่ะ

Back to top button