เหมือนจะมีหวัง

วานนี้เป็นอีกครั้งที่ “โมนิก้า” นั่งลุ้นหน้ากระดานหุ้นตั้งแต่เช้าจรดเย็น เพื่อดูแรงซื้อที่เข้ามามีมากขนาดไหน?


วานนี้เป็นอีกครั้งที่ “โมนิก้า” นั่งลุ้นหน้ากระดานหุ้นตั้งแต่เช้าจรดเย็น เพื่อดูแรงซื้อที่เข้ามามีมากขนาดไหน? และประเด็นที่สร้างความกังวลคลี่คลายไปบ้างหรือยัง? แต่สุดท้ายก็รู้ว่า สถานการณ์หลายอย่างยังไม่น่าไว้ใจ ส่งผลให้ตลอดทั้งวันดัชนีแกว่งตัวขึ้น ๆ ลง ๆ ในกรอบแคบ ๆ ก่อนจะมาโดนทิ้งในช่วงปิดตลาด ดัชนีเลยลงมายืนปิดที่ระดับ 1,316.10 จุด ลบไป2.47 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.53 หมื่นล้านบาทไงล่ะจ๊ะ

เมื่อเป็นเช่นนี้ทำให้เดี๊ยนต้องกลับมานั่งทบทวนโอกาสทะยานขึ้นยังเปิดกว้างไหม? และคำตอบที่ได้ก็คือ ยังเปิดกว้างเสมอ! แต่มีข้อแม้ตรงที่เศรษฐกิจในประเทศต้องกระเตื้องขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ ดัชนีถึงจะมีโอกาสวิ่งกลับขึ้นไปทดสอบแนวต้าน 1,400 จุดอีกรอบ ซึ่งทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับรัฐบาลเพื่อไทยจะทำได้เหมือนที่พูดหรือเปล่า? เพราะสิ่งที่เห็นจนป่านนี้ยังไม่กระดิกทำอะไรที่เป็นรูปธรรมสักอย่างน่ะซี

ประเด็นข้างต้นทำให้ “โมนิก้า” เข้าใจเหตุผลที่หุ้น AOT ยังมีแรงขายออกมาเรื่อย ๆ เพราะเมื่อดูจากธุรกิจท่องเที่ยวเข้าสู่ช่วงโลว์ซีซั่น ก็มีความจำเป็นต้องลดความเสี่ยงจากการถือครองหุ้นตัวนี้ ส่งผลให้ราคาหุ้นไหลลงมาเรื่อย ๆ จนวานนี้ยืนปิดที่ระดับ 60.25 บาท ลบไป 0.50 บาท หรือลงไป 0.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.56 พันล้านบาท ซึ่งเป็นระดับที่ใกล้กับจุดเด้งครั้งก่อนที่บริเวณ 58 บาทแบบนี้..น่าสนไหมล่ะคะ

ในเมื่อบรรยากาศทางเศรษฐกิจไม่เป็นใจ ก็ทำให้สถานการณ์ของแบงก์ใหญ่หลายตัวซวนเซไปตามกัน และหนึ่งในแบงก์ที่ยังมีแรงขายรินออกมาเรื่อย ๆ ก็คือ KBANK จนสงสัยว่า ราคาหุ้นจะลงไปหาฐานเดิมที่บริเวณ 120 บาทอีกครั้ง จึงอยากให้นักเล่นประเมินการยืนปิดที่ระดับ 125.50 บาท ลบไป 2 บาท หรือลงไป 1.60% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.18 พันล้านบาท ท่ามกลาง BV ที่ระดับ 231 บาท น่าทยอยรับขนาดไหน?..อิอิอิ

เช่นเดียวกับในรายของ JMT เด้งขึ้นมาปิดที่ระดับ 16.50 บาท บวกไป 1.60 บาท หรือขึ้นไป 10.75% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.01 พันล้านบาท ท่ามกลาง BV ที่ระดับ 18.50 บาท ก็เป็นช็อตที่น่าขบคิดเหมือนกันว่า ราคาหุ้นจะวิ่งขึ้นไปเท่ากับบุ๊กได้ไหม? เพราะเมื่อดูจากองค์ประกอบหลายอย่างมันชี้ให้เห็นว่า น่าจะทำได้สบาย ๆ ผนวกกับอัตราเงินปันผลตอบแทนก็อยู่ในระดับ 5.50% จึงน่าจะคุ้มค่ากับการลงทุน..จริงหรือไม่..ก็คอมเมนต์ได้เจ้าค่ะ

ส่วนรายที่ผิดฟอร์มไปมากเหลือเกิน ทั้งที่ก่อนหน้านี้ทำทางมาค่อนข้างดี แต่ดันโดนขายแบบไม่มีเยื่อใย “โมนิก้า” ขอมองไปที่หุ้น BLA เป็นรายถัดมาแบบไม่ลังเลใจ เพราะลักษณะการเคลื่อนตัวหลัง ๆ ค่อนไปในทางโดนถล่ม ต่อจากนั้นก็เด้งขึ้นในกรอบแคบ ๆ สักระยะ ก่อนจะโดนอัดอีกรอบ เดี๊ยนเลยไม่แน่ใจว่า การยืนปิดที่ระดับ 19 บาท ลบไป 1 บาท หรือลงไป 5% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 95 ล้านบาท จะตามมาด้วยการเด้งกลับไหม?

ไหน ๆ ก็เม้าท์ถึงเรื่องเด้งกลับกันทั้งที “โมนิก้า” ขอมอมงไปที่หุ้น MAGURO เพื่อชี้ให้เห็นการทรุดตัวลงมาปิดที่ระดับ 17.80 บาท ลบไป 1.20 บาท หรือลงไป 6.30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 182 ล้านบาท ซึ่งเป็นระดับที่หุ้นเคยเด้งเที่ยวก่อน มันล่อตาล่อใจให้พวกขาลุยเข้าไปเล่นเก็งกำไรสั้น ๆ เหลือเกิน ผนวกกับสตอรี่ของหุ้นในปีนี้มาด้วยเรื่องโตกระโดด จึงเป็นช็อตที่น่าตามไปดูสำหรับพวกมือไวนะคะ

ส่วนรายที่ผิดฟอร์มไปมาก เพราะราคาหุ้นลงลูกเดียว “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้น BBIK หลังขาเม้าท์ถามถึงความนิยมหุ้นเทคลดลงอย่างน่าใจหาย จนเข้าข่าย “มาเร็ว เคลมเร็ว” แบบนี้ ทำให้มองไม่ออกว่า การยืนปิดที่ระดับ 30.50 บาท บวกไป 1.25 บาท หรือขึ้นไป 4.25% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 23 ล้านบาท ใช่การกลับตัวที่เป็นทางการหรือเปล่า? เพราะวอลุ่มซื้อไม่ค่อยซัพพอร์ตเท่าที่ควรน่ะซี

ตบท้ายกันที่เรื่องสหพันธ์ขนส่งขีดเส้นให้รัฐบาลตรึงดีเซลไว้ที่ 30 บาทต่อลิตร พร้อมกับขู่จะขึ้นราคาขนส่งสินค้า 9% หากรัฐบาลไม่รับเงื่อนไขแบบนี้ “โมนิก้า” บอกได้ทันทีว่า ข้าวของจะแพงขึ้นระเบิดเถิดเทิงแน่นอน และเงินในกระเป๋าของผู้คนจะมีค่าลดลงแบบนี้..เดี๊ยนถามจริง ๆ ว่า เศรษฐกิจมันจะดีได้อย่างไร? และเจ้ากระทรงการคลังอย่าง “พิชัย” มีความคิดเห็นต่อเรื่องนี้..ช่วยตอบให้หายข้องใจสักทีเถอะ..มั่วแต่ยึกยักอยู่นั่น ชาวบ้านเขาเบื่อ รู้ตัวอ๊ะป่าว!

โมนิก้า: และทีมงาน

Back to top button