F&D หมุนเวียนเปลี่ยนมือ

เป็นหุ้นที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์มา 3 ทศวรรษแล้ว สำหรับ บมจ.ฟู้ดแอนด์ดริ๊งส์ หรือ F&D (3 ส.ค. 2537) โดยผ่านร้อนผ่านหนาวและผ่านวิกฤตมานับไม่ถ้วน


เป็นหุ้นที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ มา 3 ทศวรรษแล้ว สำหรับบริษัท ฟู้ดแอนด์ดริ๊งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ F&D (เข้าวันที่ 3 ส.ค. 2537) โดยผ่านร้อนผ่านหนาวและผ่านวิกฤตมานับไม่ถ้วน ไล่มาตั้งแต่วิกฤตต้มยำกุ้ง ต่อด้วยวิกฤตฟองสบู่ดอตคอม มาสู่วิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ และวิกฤตโควิด กระทั่งล่าสุดจะเกิดวิกฤตรอบใหม่จากนโยบายภาษีทรัมป์ ลุกลามมาสู่สงครามการค้าโลก

แต่ F&D ก็ประคับประคองตัวฟันฝ่าวิกฤตมาได้..!!

F&D เป็นหุ้นอาหารที่ก่อร่างสร้างตัวมาตั้งแต่ปี 2528 โดยดำเนินธุรกิจแปรรูปผัก ผลไม้ เนื้อสัตว์ เพื่อส่งออกและขายในประเทศ ซึ่งมีทั้งอาหารสำเร็จรูปพร้อมบริโภค (ready-to-eat) อาหารสำเร็จรูปแช่เข็ง และเครื่องดื่ม

โอเค…แม้ผลประกอบการไม่แย่ แต่ก็ไม่โดดเด่นเป็นสง่า โตบ้างไม่โตบ้างตามแต่สถานการณ์ในแต่ละปี โดยในช่วง 5 ปีย้อนหลังรายได้ทรง ๆ อยู่ที่ 700 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิบางปีต่ำสิบล้านบาท ในขณะที่บางปีกระโดดไปแตะ 50 ล้านบาท ล่าสุดปี 2567 โชว์กำไรอยู่ที่ 80 ล้านบาท

ที่ไม่มีคงเป็นเงินปันผล ซึ่งไม่ได้จ่ายมาหลายปีแล้ว เพิ่งจะหวนมาจ่ายในรอบปี 2567 นี่แหละ

เรียกว่าปัจจัยพื้นฐานดูดี…แต่ไม่มีเสน่ห์ ว่างั้น..!?

สิ่งที่น่าสนใจ ด้วยคาแรกเตอร์เป็นหุ้นสภาพคล่องต่ำ เลยเป็นหนึ่งในเครื่องมือของการเก็งกำไรในบางช่วงและบางสถานการณ์ หมุนเวียนเปลี่ยนตลอด…(ถ้าจำกันได้ช่วงเดือน ก.พ. 2568 ที่ผ่านมา ก.ล.ต.เพิ่งมีการกล่าวโทษ “พชรดนัย ชาญหัตถกิจ” ฐานปั่นหุ้น F&D ไปหยก ๆ)

และก่อนจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ มี “กลุ่มดีไมตรี” เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ โดยเข้ามาเก็บบ้าง…ขายบ้างเป็นช่วง ๆ

แต่ล่าสุดเกิดปรากฏการณ์หมุนเวียนเปลี่ยนมือกับหุ้น F&D อีกแล้ว จากการที่ “กลุ่มดีไมตรี” จะ Exit เต็มรูปแบบ เพราะได้ขายล้างพอร์ตให้กับกลุ่มทุนใหม่ นั่นคือ Mr.Chang Chih-Hao ที่เข้าถือหุ้น 10.98 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วน 62.23%

กลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมที่โละขายหุ้นครั้งนี้ นำโดย “เกษม ดีไมตรี” ขายจำนวน 3.30 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วน 18.74%, “ไวฮุย ลี” ขายจำนวน 2.03 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วน 11.52%, Mr.Huai Hsin Lee ขายจำนวน 1.48 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วน 8.43%, Kawasho Foods Corporation ขายจำนวน 950,000 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 5.39%

“วรวิช ดีไมตรี” ขายจำนวน 915,720 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 5.20%, “จินตนา อัสดรนิธี” ขายจำนวน 231,160 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 1.31%, “ภาณี การุณกรสกุล” ขายจำนวน 760,000 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 4.31%, บริษัท เอี่ยมสกุลรัตน์ จำกัด ขายจำนวน 581,000 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 3.30%, “รุ่งรักษ์ ดีไมตรี” ขายจำนวน 510,720 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 2.90%

NITTOBEST CORPORATION ขายจำนวน 150,000 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 0.85%, บริษัท คาวาโช ฟู้ดส์ (ประเทศไทย) จำกัด ขายจำนวน 50,000 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 0.28%

รวมแล้วมีผู้ถือหุ้นใหญ่ 11 รายด้วยกันที่พร้อมใจกันขายหุ้นครั้งนี้…

แหม๊…น่าเสียดายที่ไม่ยอมบอกราคาซื้อขายแฮะ…แต่เชื่อเถอะแต่ละคนคงฟันกำไรไปบานเบอะแน่ ๆ…

ขณะที่แบ็กกราวด์ของ Mr.Chang Chih-Hao เป็นใคร…หัวนอนปลายเท้ามาจากไหน..?? เป็นกลุ่มทุนจีนอ๊ะเปล่า..?? ไม่รู้ ๆ ๆ ๆ แล้วจะเอา F&D ไปทำอะไร..?? อันนี้ก็น่าคิด

แต่จากการที่ Mr.Chang Chih-Hao เข้ามาถือหุ้นเกินกว่า 50% ทำให้เข้าเกณฑ์ต้องตั้งโต๊ะเทนเดอร์ฯ ของตลาดหลักทรัพย์ฯ เลยเป็นที่มาของการประกาศตั้งโต๊ะเทนเดอร์ฯ หุ้น F&D ที่เหลือจำนวน 6,713.45 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วน 38.09% ที่ราคาหุ้นละ 60 บาท คิดเป็นมูลค่า 402.81 ล้านหุ้น

แต่เอ๊ะ…ตอนที่ F&D แจ้งข่าวการปรับโครงสร้างผู้ถือหุ้น และการตั้งโต๊ะเทนเดอร์ฯ เมื่อวันที่ 2 พ.ค. 2568 แต่ทำไม๊ทำไมราคาหุ้นถึงวิ่งขึ้นมาตั้งแต่ปลายเดือน เม.ย. ก่อนที่จะแจ้งข่าวล่ะ…อ้อ สงสัยหน้าต่างที่บริษัท F&D จะมีหู…ประตูมีช่องละมั้ง..!!

ขณะที่ วานนี้ (6 พ.ค. 2568) ราคาหุ้น F&D ปรับเพิ่มขึ้นอีก 2.15% โดยปิดตลาดที่ 59.50 บาท

แต่คงไปไม่ไกลเกิน 60 บาทหรอก…เชื่อขนมกินได้เลย

…อิ อิ อิ…

Back to top button