
CHAYO ถูกพิษโรคลูกเลื่อน.!
ถ้าพูดถึงหุ้นเก็บหนี้บริษัท ชโย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CHAYO ในช่วงที่ผ่านมาราคาร่วงโรยเป็นปกติวิสัย ตามภาวะเศรษฐกิจที่อ่อนแอ
ถ้าพูดถึงหุ้นเก็บหนี้ บริษัท ชโย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CHAYO ในช่วงที่ผ่านมาราคาร่วงโรยเป็นปกติวิสัย ตามภาวะเศรษฐกิจที่อ่อนแอนำมาสู่ความกังวลว่าจะไม่สามารถจัดเก็บหนี้ได้ตามเป้าหมาย แต่จู่ ๆ ช่วงปลายสัปดาห์ที่แล้วราคาหุ้นรูดหนักผิดวิสัย จากราคา 2 บาทกว่า ๆ หลุดแนวรับ 2 บาทแบบหลุดลุ่ย…
ทำให้ตอนนี้ CHAYO มีสถานะเป็นหุ้นบาทเศษไปโดยปริยาย..!!
ขณะที่วานนี้ (27 พ.ค. 2568) ราคารูดไปอีก 6.40% ปิดตลาดที่ 1.61 บาท
ก็น่าคิดว่าเกิดอะไรขึ้นกับหุ้น CHAYO เหตุใดจึงถูกเทไม่บันยะบันยังขนาดนี้..??
เท่าที่สแกนดูน่าจะเกิดจาก 2-3 สาเหตุนะออเจ้า…อันดับแรก ในวันที่ 23 พ.ค. 2568 ที่ผ่านมา มีหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 126.34 ล้านหุ้น เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ทำให้มีแรงขายออกมาก่อนในวันที่ 22 พ.ค. 2568 ซึ่งเป็นวันที่ราคารูดหนักกว่า 11% เพื่อลดผลกระทบจากไดลูชั่นเอฟเฟ็กต์ที่จะเกิดขึ้น
ถัดมาสืบเนื่องจากกรณีที่ฝ่ายบริหารของทีมวาณิชธนกิจ บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) 2 ราย ถูก ก.ล.ต.ลงโทษด้วยการพักใบอนุญาต เนื่องจากบกพร่องในการปฏิบัติงานในการเป็นที่ปรึกษาทางการเงินให้แก่บริษัทมหาชนที่ยื่นคำขออนุญาตเสนอขายหุ้นที่ออกใหม่ต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (คำขออนุญาต IPO)
ซึ่งบังเอิ๊ญบังเอิญมีเสียงลือเสียงเล่าอ้างว่า บริษัทที่จะ IPO ดังกล่าว ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นบริษัท ชโย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ CCAP ซึ่งเป็นหน่อเนื้อเชื้อไขของ CHAYO ที่อยู่ระหว่างแต่งเนื้อแต่งตัวจะเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยมี บล.เคจีไอฯ เป็นที่ปรึกษาทางการเงินน่ะสิ
เลยทำให้เกิดความกังวลว่า แผนจะหย่านมลูกให้ออกไปหากินเอง หรือสปินออฟบริษัทลูกเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ส่อเจอโรคเลื่อนยาววว…
อันนี้จริงเท็จประการใด…ไม่ปรากฏชัด แต่เป็นที่ร่ำลือกันในแวดวงตลาดทุนนะจิบอกให้..!?
ส่วนที่ชัดแล้ว คงเป็นการเทขายหุ้นสามัญพ่วงด้วยวอร์แรนต์ของ “พิมพ์ ปัทมสิงห์ ณ อยุธยา” ซึ่งเป็นทั้งผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 9 และนั่งเป็นบอร์ดในฐานะกรรมการของ CHAYO นี่แหละ…
เริ่มจากเมื่อวันที่ 22 พ.ค. 2568 ได้รับการโอนหุ้นเข้ามาในพอร์ตจำนวน 250,217 หุ้น ส่งผลให้ถือหุ้นเพิ่มเป็น 10.16 ล้านหุ้น…ทว่า “พิมพ์” ถือหุ้นก้อนดังกล่าวแค่ชั่วข้ามคืน วันถัดมาในวันที่ 23 พ.ค. 2568 ก็ขายหุ้นจำนวน 250,217 หุ้น ที่ราคาหุ้นละ 1.78 บาท คิดเป็นมูลค่า 445,386 บาท ส่งผลให้เหลือถือหุ้น 9.91 ล้านหุ้น
ขณะเดียวกัน ในวันที่ 22 พ.ค. 2568 “พิมพ์” ได้วอร์แรนต์ CHAYO-W4 มาจำนวน 1,112,075 หน่วย ซึ่งถัดมาในวันที่ 23 พ.ค. 2568 ก็ได้เทขายวอร์แรนต์ก้อนดังกล่าวทิ้งเกลี้ยงพอร์ตที่ราคาหน่วยละ 0.27 บาท คิดเป็นมูลค่า 300,260 บาท…เรียกว่า ได้มาปุ๊บ ก็ขายทำกำไรปั๊บเลยนะเนี่ย…
และในวันเดียวกัน ก็ได้ขายวอร์แรนต์ CHAYO-W3 จำนวน 547,533 หน่วย ที่ราคาหน่วยละ 0.03 บาท คิดเป็นมูลค่า 16,425 บาท…
เบ็ดเสร็จแล้ว “พิมพ์” ได้เงินเข้ากระเป๋าไป 762,072 บาท
โอเค…แม้จำนวนเงินไม่เยอะก็จริง แต่การที่ผู้ถือหุ้นใหญ่และบอร์ดมารินขายหุ้นในช่วงจังหวะที่บริษัทกำลังเจอมรสุมอย่างนี้ เหมือนเป็นการส่งสัญญาณอะไรหรือไม่..??
มันทำให้อดคิดไม่ได้ว่า CHAYO มีปัญหาซุกซ่อนอยู่ใต้พรมอ๊ะป่าว..??
เกรงว่าพอเปิดพรมขึ้นมาจะช็อกซีนีม่าน่ะสิ…
แหม๊…ยิ่งเห็นราคาหุ้นดิ่งแรงกู่ไม่กลับอย่างนี้…ยิ่งน่าเป็นห่วง
สงสัยต้องโกยแล้วล่ะโยม..!?
…อิ อิ อิ…