MSCI เทหุ้นไทย

วันศุกร์ที่ 30 พ.ค.นี้ จะมี MSCI Rebalance ก่อนหน้านี้มีการประกาศรายชื่อหุ้นออกมาแล้วในส่วนที่จะถูก “ถอด” ออกจาก MSCI Global Standard Index


วันศุกร์ที่ 30 พ.ค.นี้ จะมี MSCI Rebalance

ก่อนหน้านี้มีการประกาศรายชื่อหุ้นออกมาแล้วในส่วนที่จะถูก “ถอด” ออกจาก MSCI Global Standard Index คือ

1.บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM

2.บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC

3.บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTC

ส่วนหุ้นเข้า MSCI Global Small Cap คือ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC, บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM

และหุ้นออก ประกอบด้วยบริษัท ออโรร่า ดีไซน์ จำกัด (มหาชน) หรือ AURA, บริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BPP, บริษัท ดูโฮม จำกัด (มหาชน) หรือ DOHOME, บริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ GUNKUL, บริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ JAS, บริษัท เจมาร์ท กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JMART, บริษัท เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ M, บริษัท พริมา มารีน จำกัด (มหาชน) หรือ PRM

ประเด็นที่น่าสนใจคือ ในรอบนี้ 3 หุ้นที่ถูกถอดออกจากกระดานสแตนดาร์ดนั้น

จะมีเงินไหลออกมารวมกันกว่า 9 พันล้านบาท

ทว่า หากรวมทุกหุ้นที่ถูกถอดทุกกระดานจะมีเงินไหลออก 1.2–1.3 หมื่นล้านบาท

แต่ล่าสุด จากการสอบถามนักวิเคราะห์ที่เกาะติดเรื่อง MSCI พบว่า จากหุ้นไทยที่ถูกถอดออก จะมีเงินที่ไหลออกมากกว่า 500 ล้านดอลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทยราว ๆ 1.6 หมื่นล้านบาท

หากเป็นตัวเลขนี้จริง ถือว่ามากกว่าที่เคยประเมินกันไว้

และน่าจะส่งผลกระทบต่อการ “ร่วง” ของหุ้นไทยในช่วงของราคาปิดของวันดังกล่าว

ว่ากันว่า การปรับลดน้ำหนักของ MSCI ในรอบล่าสุด ทางกลุ่มต่างชาติและนักลงทุนสถาบันของไทย ต่างพอจะรับรู้กันมาก่อนหน้านี้แล้วล่ะว่า “ค่อนข้างหนัก” พอสมควร

เราจึงเห็นหุ้นขนาดใหญ่มีแรงขาย ออกมาต่อเนื่องทั้งในกลุ่มธนาคาร สื่อสาร ค้าปลีก

นัยฯ อาจเพื่อปรับลดความเสี่ยงไปก่อน

การขายของ MSCI ในรอบนี้ นอกจากจะเกิดขึ้นในวันศุกร์ที่ 30 พ.ค.นี้แล้ว

อาจจะมีผลไปถึงวันอังคารที่ 4 มิ.ย.นี้ด้วย

ช่วงระหว่างวันที่ 1-2 มิ.ย.หุ้นไทยปิดทำการ ยิ่งทำให้เกิดการปรับพอร์ต แม้กระทั่งพวกกองทุนต่าง ๆ ก็ไม่อยากจะห่อของ (หุ้น) กลับบ้าน เพราะเกรงว่าในวันที่ 30 พ.ค.นี้ แรงขายอาจจะยังไม่สะเด็ดน้ำ

ยังมีเรื่องน่าสนใจเพิ่มเติมจากการปรับลดน้ำหนักของ MSCI ในรอบล่าสุด

หากย้อนกลับไปในปี  2019 (พ.ศ. 2562)

หุ้นไทยที่อยู่ในกระดานสแตนดาร์ดมีอยู่ประมาณ 40 หุ้น

แต่เมื่อดัชนีหุ้นไทยปรับลงมาเรื่อย ๆ ทำให้น้ำหนักใน MSCI เริ่มลดลง หุ้นที่เคยมีอยู่ (กระดานสแตนดาร์ด) ประมาณ 40 หุ้น จะเหลือเพียง 22 หุ้นเท่านั้น (หลังตัด CRC BEM KTC) ออก

น้ำหนักหุ้นไทยใน MSCI ในไตรมาส 1/68 ที่อยู่ 1.28% นั้น

วันศุกร์นี้จะลงมาเหลือเพียง  1.2%

และน่าจะมีแนวโน้มปรับลงมาอีก หาก SET ยังปรับลงมาเรื่อย ๆ

น้ำหนักหุ้นไทยใน MSCI ที่ลดลง จะลดความน่าสนใจของต่างชาติต่อหุ้นไทยลงตามด้วย

ส่วนกลุ่มนักลงทุนสถาบันที่พอจะเป็นความหวังได้นั้น จากการสอบถามไปยังผู้จัดการกองทุนต่าง ๆ จะได้รับข้อมูลว่า ตอนนี้ยังไม่มีกองทุนไหนที่จะเพิ่มน้ำหนักหุ้นไทย อาจด้วยเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว “เชื่องช้า”

จึงอยู่ในรูปแบบการเล่นสั้นไปก่อน ยกเว้นกองทุนประเภท Passive Fund ที่จะต้องลงทุนในหุ้นอ้างอิงดัชนีฯ อยู่แล้ว

ส่วนข่าวรัฐมนตรีคลัง “พิชัย ชุณหวชิร” พร้อมที่จะหารือกับกลุ่มนักลงทุนสถาบัน เพื่อให้หันมาเพิ่มพอร์ตหุ้นไทยมากขึ้น

ต้องติดตามกันดูว่า จะโน้มน้าวได้มากแค่ไหน

ธนะชัย ณ นคร

Back to top button