
KGI กล้ามเนื้ออ่อนแรง.!
นับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ก็ว่าได้...ที่เห็น ก.ล.ต. มีบทลงโทษบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) หรือโบรกเกอร์ ถึงขั้นพักใบอนุญาตนาน 1 ปี
นับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ก็ว่าได้…ที่เห็นสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) มีบทลงโทษบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) หรือโบรกเกอร์ ถึงขั้นพักใบอนุญาตนาน 1 ปี ซึ่งถือว่าร้ายแรงมั๊ก ๆ ชวนให้ขนหัวลุกไปทั้งวงการวาณิชธนกิจ หรือ IB..!?
บ่งบอกว่า ก.ล.ต.ยุคนี้ไม่ได้หน่อมแน้มนะ แต่ทำงานเชิงรุกและใช้บทลงโทษอย่างจริงจัง…ด้วยการเชือดไก่ให้ลิงดู
ส่วนปมเหตุของบทลงโทษ สืบเนื่องมาจาก ก.ล.ต.ตรวจสอบพบว่า บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KGI และผู้ควบคุมการปฏิบัติงานบกพร่องอย่างร้ายแรงในการปฏิบัติหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางการเงินในการร่วมยื่นคำขออนุญาต IPO ของบริษัทมหาชนจำกัด รวม 2 บริษัท อันแสดงถึงความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง หรือขาดความระมัดระวังรอบคอบอย่างมากในการตรวจสอบหรือสอบทานข้อมูลที่สำคัญ (due diligence) ของบริษัทที่จะทำ IPO
ก.ล.ต.จึงสั่งพักการให้ความเห็นชอบในการเป็นที่ปรึกษาทางการเงินของ KGI และผู้ควบคุมการปฏิบัติงาน 2 ราย เป็นเวลา 1 ปี
กรณีนี้ถูกตั้งคำถามว่าสอง IPO ดังกล่าวเป็นไผ..เป็นใครมาจากไหน..??
ว่ากันว่าหนึ่งในนั้นเป็นบริษัท ชโย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ CCAP ซึ่งเป็นบริษัทลูกของบริษัท ชโย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CHAYO อ๊ะนะ…จริงเท็จประการใด ไม่รู้ ๆๆๆ
จากที่โดนพักใบอนุญาตเป็นแรมปี นั่นหมายความว่างานวาณิชธนกิจ ซึ่งเป็นอีกขาของ KGI จะโดนพักไปด้วยหนึ่งปีเต็ม ทำให้นับจากนี้ภายใน 1 ปี KGI ต้องหยุดรับงาน FA ไปโดยปริยาย เท่ากับว่ารายได้ในส่วนนี้จะกลายเป็นศูนย์ไปเลย โอเค…แม้ยังทำ co-underwriter หรือร่วมจัดจำหน่ายหลักทรัพย์ได้ แต่ลองคิดดูแล้วกันใครอยากจะมาโคด้วย ในเมื่อความเชื่อมั่นไม่หลงเหลือแล้ว
เรียกว่าตลาด IPO คงอยู่ยากแล้วล่ะ..!!
ในขณะที่ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ยังคงอยู่ เพื่อเก็บรักษาทีมบุคลากรเอาไว้…
มีรายจ่าย แต่ไม่มีรายได้…ว่างั้น ??
ก็ไม่ต่างจากแขนขาเป็นอัมพาต…กล้ามเนื้ออ่อนแรงนะเนี่ย…
ขณะที่ขาธุรกิจหลักทรัพย์ ถ้าดูจากวอลุ่มการซื้อขายในแต่ละวันที่เหือดแห้งเฉลี่ยอยู่ที่ 30,000-40,000 ล้านบาท บางวันเหลือแค่ 20,000 ล้านบาทเศษเสียด้วยซ้ำ บอกได้เลยว่าเหนื่อย…ครั้นจะหวังพึ่งพิงขาธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้า หรืออนุพันธ์ที่เป็นตัวหลัก และ KGI มีความเชี่ยวชาญ แต่ในสถานะการณ์ที่ตลาดฯ ขาดความเชื่อมั่นอย่างนี้ ก็คงไม่ง่ายหรอกนะ
กลับมาที่งาน FA การจะขอใบอนุญาตหรือไลเซนส์จาก ก.ล.ต. ใหม่ ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะพิสูจน์ตัวเอง อย่างน้อย ๆ กระบวนการในการยื่นขออาจต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่าครึ่งปี หรืออาจจะนานกว่านั้น…และแม้จะกลับมาได้ ลูกค้าจะเชื่อมั่นหรือเปล่า..?? อันนี้ก็น่าคิด
อาจจะเกิดปรากฏการณ์ 1) ลูกค้าเทรดกับ KGI น้อยลง และ 2) ในส่วนธุรกิจวานิชธนกิจ เจ้าหน้าที่คงไม่มีใครอยู่แล้วมั้ง ในช่วงระหว่าง 1 ปีนี้น่าจะหาลู่ทางโยกย้ายไปหาสังกัดใหม่กันหมดแล้ว..??
ที่น่าจับตาจากเดิมทีผลประกอบการของ KGI ถดถอยอยู่แล้ว จะยิ่งถดถอยมากขึ้น พิสูจน์ทราบได้จากงบในไตรมาส 1/2568 ที่ลดลงทั้งรายได้และกำไร โดยมีรายได้ 892 ล้านบาท ลดลง 9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 980 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่ 198 ล้านบาท ลดลง 26% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 266 ล้านบาท
แล้วไตรมาสต่อ ๆ ไป มิแย่ลงกว่าเดิมอีกเหรอเนี่ย..??
เห็นอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงของ KGI แล้ว น่าเป็นห่วงจริง ๆ ผับผ่าสิ..!!
ว่าไปแล้วเคส KGI ก็ไม่ต่างจากปลาตายตัวเดียวเหม็นไปทั้งบ่อ…มีคนทำผิดแค่ไม่กี่คนดันพาซวยไปทั้งบริษัท..!?
ซึ่งน่าจะเป็นบทเรียนเตือนใจให้กับอีกหลาย ๆ โบรกเกอร์อย่าคิดทำอะไรนอกลู่นอกทาง…เดี๋ยวจะได้ไม่คุ้มเสีย…
…อิ อิ อิ…